น้ำท่วมใหญ่ทำให้ผู้คนกว่า 50,000 คนติดค้างในออสเตรเลียตะวันออก
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม 2568 กล่าวว่า ฝนทึ่ตกหนักในพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศออสเตรเลียทำให้ชุมชนเมืองถูกน้ำท่วมสูงและผู้คนมากกว่า 50,000 คนติดค้างในบ้านเรือน
มีรายงานว่าตำรวจได้นำร่างผู้เสียชีวิต 2 รายออกมาจากบริเวณน้ำท่วมที่มิดนอร์ทโคสต์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่แม่น้ำไหลผ่านอย่างสลับซับซ้อน, มีเนินเขาขรุขระและหุบเขาอันอุดมสมบูรณ์ และอยู่ห่างจากซิดนีย์ไปทางเหนือประมาณ 400 กิโลเมตร
ทางการได้เริ่มภารกิจค้นหาและกู้ภัยครั้งใหญ่ โดยประชาชนต้องปีนขึ้นไปบนรถยนต์, บ้านเรือน และสะพานทางหลวงเพื่อหลบเลี่ยงน้ำโคลนที่ไหลบ่า
สำนักอุตุนิยมวิทยาของรัฐบาลเปิดเผยว่า พายุในบางพื้นที่ได้ทิ้งน้ำฝนที่ตกหนักในปริมาณของครึ่งปี ภายในเวลาเพียงสามวัน
คริส มินส์ ผู้ว่าการรัฐนิวเซาท์เวลส์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “เรากำลังเตรียมรับมือกับข่าวร้ายเพิ่มเติมในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า จากภัยธรรมชาติที่สร้างความเลวร้ายให้กับชุมชน”
นายกเทศมนตรีคินเน ริง บอกกับเอเอฟพีว่า เมืองเคมป์ซีย์ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเกษตรริมฝั่งแม่น้ำแม็กลี ถูกตัดขาดโดยไม่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้า
“เรามักคิดว่าฝนที่ตกบนหลังคาสังกะสีเป็นแค่เรื่องผ่อนคลาย แต่ตอนนี้มันดังและน่ากลัวมาก ฝนตกหนักมาก และทุกครั้งที่ฝนตก คุณจะระแวงว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป” ริงกล่าว
ริงกล่าวว่ามีผู้คนมากกว่า 20,000 คนถูกแยกตัวออกจากพื้นที่ต่างๆของเมือง
เจเรมี ธอร์นตัน เจ้าของธุรกิจในเมืองทารีกล่าวว่า น้ำท่วมรุนแรงครั้งนี้เป็นหนึ่งในน้ำท่วมที่เลวร้ายที่สุดที่เขาเคยเจอมา
เขาบอกกับเอเอฟพีว่า “มันค่อนข้างยากลำบาก เรากำลังเผชิญกับมันทุกวินาที, ได้ยินเสียงฝน, ได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์, ได้ยินเสียงไซเรน แต่ก็ต้องอดทนและก้าวต่อไป”
เจ้าหน้าที่กล่าวว่าประชาชนมากกว่า 50,000 คนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก โดยแม่น้ำบางสายยังคงท่วมถึงจุดสูงสุดเมื่อช่วงดึกของวันพฤหัสบดี
ตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ในเมืองทารีกล่าวในแถลงการณ์ว่า คู่สามีภรรยาสูงอายุคู่หนึ่งปีนขึ้นไปบนหลังคารถเพื่อหนีน้ำท่วมฉับพลันที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยจะดึงพวกเขาขึ้นไปยังที่ปลอดภัย และพวกเขายังคงค้นหาผู้สูญหายอีก 2 คน
คนอื่นๆ แสวงหาที่หลบภัยบนสะพานทางด่วนที่ยกสูง ก่อนที่จะถูกเฮลิคอปเตอร์ซีฮอว์กของกองทัพเรือพบเห็นและช่วยเหลือได้
มีการพบเห็นซากวัวเกยตื้นบนชายหาด หลังจากกระแสน้ำพัดพวกมันออกจากทุ่งหญ้าในแผ่นดิน
รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านภัยธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยให้ระดมทรัพยากรมากขึ้นสำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
ตั้งแต่พื้นที่ห่างไกลอันแห้งแล้งไปจนถึงชายฝั่งเขตร้อน พื้นที่บางส่วนของออสเตรเลียได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่เลวร้ายเมื่อไม่นานนี้
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาระบุว่า มหาสมุทรที่ล้อมรอบออสเตรเลียมีอากาศอุ่นผิดปกติในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ทะเลที่อุ่นขึ้นทำให้ความชื้นระเหยออกสู่ชั้นบรรยากาศมากขึ้น ซึ่งในที่สุดอาจนำไปสู่ฝนตกหนักขึ้น
แม้ว่าจะยากที่จะเชื่อมโยงกับภัยพิบัติเฉพาะอย่าง แต่บรรดานักวิทยาศาสตร์เตือนว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังกระตุ้นให้เกิดรูปแบบสภาพอากาศสุดขั้วมากขึ้น
คริสตี แม็กเบน รัฐมนตรีกระทรวงการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเหตุการณ์สภาพอากาศทั่วโลก ขณะที่ออสเตรเลียเองก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ดังกล่าวได้ เราจะเผชิญเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งมากขึ้น”
เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินราว 2,500 นายได้รับการส่งไปยังภูมิภาคนี้ พร้อมด้วยเรือกู้ภัย, เฮลิคอปเตอร์ และโดรนค้นหาหลายร้อยลำ
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาระบุว่า เมืองบางแห่งมีฝนตกมากกว่าครึ่งเมตร (1.6 ฟุต) ในช่วงเวลาสามวัน
แต่เขาคาดว่าฝนจะค่อยๆ ลดลงในช่วงดึกของวันพฤหัสบดี เมื่อความกดอากาศเคลื่อนตัวลงไปทางทิศใต้.