เมื่อ ‘คุณหมอ’ ออกโรง

ชื่อเท่มากครับ

แต่เนื้อในคือ

 “นิรโทษกรรมเหมาเข่ง”

 “นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย”

กลายเป็นจุดพลิกผันนำไปสู่การประกาศยุบสภาของ “ยิ่งลักษณ์”

ร่างเดิมของ “วรชัย เหมะ” มีวัตถุประสงค์ต้องการนิรโทษกรรมคนเผาบ้านเผาเมือง

กลุ่มที่ได้รับประโยชน์คือ ผู้ต้องขังจากคดีเผาศาลากลางจังหวัด และเหตุการณ์เผาหลายๆ แห่งใน กทม. จากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในปี ๒๕๕๓

แต่มีการสับขาหลอก!

ในการพิจารณาของสภาผู้แทนฯ วาระที่ ๒ กรรมาธิการเสียงส่วนใหญ่ ซึ่งก็คือเสียงจากฝั่งรัฐบาล แก้ไขมาตรา ๓ และมาตรา ๔ ถือเป็นหัวใจหลักของร่างกฎหมายฉบับนี้

การแก้ไขมีผลครอบคลุมทุกฝ่าย

ฝ่ายพันธมิตรฯ

ฝ่าย นปช.

รวมไปถึง “ทักษิณ ชินวัตร”

แต่เพื่อลดการต่อต้าน การแก้ไขให้รวมไปถึง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ-สุเทพ เทือกสุบรรณ” ด้วย

กลายเป็นว่าฝั่ง “อภิสิทธิ์-สุเทพ” ไม่ขอได้ประโยชน์จากร่างกฎหมายฉบับนี้ เพราะมองว่าวัตถุประสงค์หลักอยู่ที่การนิรโทษกรรมให้ “ทักษิณ”

เป็นการนิรโทษคดีคอร์รัปชัน!

รัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ไม่สามารถบริหารประเทศได้ เพราะมีการชุมนุมของมวลมหาประชาชน

สุดท้ายจำต้องยุบสภา

และตามมาด้วยการรัฐประหาร ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗

มีข้อสังเกตการชุมนุม แม้มวลชนจะมาจากหลากหลายสาขาอาชีพ แต่มีอยู่สาขาอาชีพหนึ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุด เพราะมีความเป็นกลุ่มเป็นก้อนมากกว่าสาขาอาชีพอื่นๆ

นั่นคือ บุคลากรทางการแพทย์

มาวันนี้ สถานการณ์เหมือนจะย้อนกลับไปสู่อดีตมาได้พักหนึ่งแล้ว

อาจเป็นเพราะมีเรื่องเกี่ยวพันกับวงการแพทย์โดยตรง ทำให้คณะแพทย์จากหลายโรงพยาบาล ออกแถลงการณ์ ในประเด็นเกี่ยวกับ “ทักษิณ” มาเป็นระยะๆ

 สดๆ ร้อนๆ วานนี้ (๒๘ พฤษภาคม) ศิษย์เก่าแพทย์ศิริราชรุ่น ๘๒-รามาธิบดีรุ่น ๗ (พ.ศ. ๒๕๑๔-๒๕๑๙) ออกแถลงการณ์

“…มติของแพทยสภา: การพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม  ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เมื่อ ๘ พ.ค. ๒๕๖๘ ได้มีมติลงโทษแพทย์ ๓ ท่าน

โดยเป็นการว่ากล่าวตักเตือน ๑ ท่าน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้มาตรฐาน และพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ๒ ท่าน ในกรณีให้ข้อมูลหรือเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง

พวกเราสมาชิกแพทยสภา ขอให้กำลังใจแพทยสภา ในการยืนยันมติเดิมของแพทยสภา ในวันที่ ๘ พ.ค. ๒๕๖๘ โดยยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นกิจที่หนึ่ง และจะไม่ยินยอมให้อำนาจอื่นที่ไม่มีจริยธรรมมายับยั้ง หรือแสวงหาประโยชน์ส่วนตนเด็ดขาด…”

คุณหมอลงชื่อไปทั้งสิ้น ๗๓ ท่านครับ

ก่อนหน้า ๒ วัน กลุ่มแพทย์ศิริราช ๗๘-รามาธิบดี ๓-จุฬาฯ ๒๓ จำนวน ๑๐๖ ท่าน ออกแถลงการณ์ชื่นชมและส่งกำลังใจ สนับสนุน ศ. ดร. นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา ในการทำหน้าที่อุปนายกแพทยสภาคนที่ ๑, ศ. นพ.อมร ลีลารัศมี ประธานอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แพทยสภา และคณะกรรมการแพทยสภาทุกท่าน ที่ได้ผดุงความยุติธรรม จริยธรรม และความถูกต้อง เพื่อเกียรติภูมิของแพทย์ไทยทั่วประเทศ

ก่อนหน้าอีก ๒ วัน กลุ่มแพทย์จุฬาฯ รุ่น ๒๗ (จุฬาฯ ๒๕๑๔) จำนวน ๔๑ ท่าน ร่วมกันออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนสนับสนุนมติของคณะกรรมการแพทยสภา

“ตามที่คณะกรรมการแพทยสภาได้มีมติในวันที่ ๘ พฤษภาคม ศกนี้ ให้ลงโทษแพทย์ ๓ คนที่เอื้อประโยชน์ต่อนักโทษบางคนโดยอ้างว่ามีการป่วยหนักขั้นวิกฤต ด้วยการพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพชั่วคราวและว่ากล่าวตักเดือน ไปแล้วนั้น

กลุ่มแพทย์จุฬาฯ อาวุโสรุ่น ๒๗

๑.ขอยกย่องชมเชยคณะกรรมการแพทยสภาที่ได้พิจารณาคดีดังกล่าวอย่างรอบคอบและมีมติด้วยความกล้าหาญที่จะดำรงความยุติธรรมภายใต้กรอบของจริยธรรมและจรรยาบรรณของแพทย์ในระดับสูง ทั้งนี้เพื่อปกป้องการรักษาเพื่อนมนุษย์

๒.ขอให้กำลังใจแด่คณะกรรมการแพทยสภาทั้งที่มาโดยตำแหน่งและที่มาโดยเลือกสรรจากบรรดาแพทย์ทั้งประเทศ ให้มุ่งมั่นดำเนินการต่อไป ด้วยความกล้าหาญ ไม่ยอมให้อิทธิพลทางการเมือง หรือผลประโยชน์อื่นใดมาโน้มน้าวจูงใจให้กระทำหรือละเว้นการกระทำ ไม่ว่าจะโดยลงมติงดออกเสียงหรือขอไม่เข้าประชุม (เพราะจะต้องได้มติ ๒ ใน ๓ ของจำนวนกรรมการแพทยสภาทั้งหมด)

กลุ่มแพทย์เราขอเป็นกำลังใจ ให้กรรมการแพทยสภายืนยันมติของความถูกต้องดังเดิม เพราะหากปล่อยให้อิทธิพลหรือผลประโยชน์ทางการเมือง มาใช้อำนาจยับยั้งมติเดิมของแพทยสภา ย่อมทำให้องค์กรวิชาชีพแห่งนี้ขาดความศักดิ์สิทธิ์ยุติธรรม เกิดความแตกแยก และไม่สามารถอำนวยประโยชน์ให้กับสังคมได้อย่างถูกต้องเหมาะสมอีกต่อไป…”

ไม่นับที่คณะแพทย์ร่วมกันลงชื่อคัดค้านนโยบายของรัฐบาลแพทองธาร โดยเฉพาะ การเปิดกาสิโนนะครับ

“ทักษิณ” อาจไม่ทันคิด

หรืออาจคิดไตร่ตรองแล้วว่า ต้องดับเครื่องชนแพทยสภาเท่านั้น เพราะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก “หนี”

แต่การดิสเครดิตแพทยสภาของ “ทักษิณ” ในเรื่องจริยธรรมแพทย์ แทนที่จะทำให้ตัวเองมีแต้มต่อ กลับเกิดผลในทางตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง

ไปปลุก “คณะแพทย์” ให้ลุกขึ้นมายืนฝั่งตรงข้ามมากขึ้นเรื่อยๆ

ในสถานการณ์ที่การต่อต้าน “ทักษิณ” เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง

“สนธิ” จับมือ “จตุพร” ประกาศเป้าหมายชัดเจน ไม่เอาทักษิณ สิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้อยู่ที่ท่าทีของ “ทักษิณ” กับ รัฐบาลแพทองธาร ล้วนๆ

ถ้ารัฐบาลช่วย “ยิ่งลักษณ์” ไม่ต้องจ่ายชดเชยโกงข้าว ๑ หมื่นล้าน

ถ้ารัฐบาลช่วย “ทักษิณ” ไม่ต้องกลับไปรับโทษจำคุก

ก็ไม่ต่างจาก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยเลยแม้แต่น้อย

วันนี้คณะบุคคลต่อต้าน “ทักษิณ” เริ่มขยับ ปลายทางบอกไม่ได้ว่าจะซ้ำรอยปี ๒๕๕๗ หรือไม่

แต่ที่แน่ๆ คือเวลาของรัฐบาลแพทองธารใกล้หมดเต็มทน

ไม่ใช่ฝีมือใครเลยครับ

“ทักษิณ” ล้วนๆ.

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *