ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงกำกับคดี ผกก.โจ้ ยอมรับชันสูตรศพยาก

11 มีนาคม 2568 – ที่ สน.ประชาชื่น พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.)เรียกประชุมคดีการเสียชีวิต พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ โดยมี พล.ต.ท. สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.)พล.ต.ต. วาที อัศวุตมางกุร ผู้บัญชาการพิสูจน์หลักฐาน (ผบช.สพฐ.) พ.ต.อ.สัญญา อุบลวิรัตนา ผกก.สน.ประชาชื่น ทีมแพทย์สถาบันนิติเวชวิทยาโรงพยาบาล และตำรวจที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.ท.สมประสงค์ เปิดเผยก่อนการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้ได้มาดูแลด้วยตนเองเนื่องจาก เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ และผบ.ตร.ได้กำชับให้ดูแลคดีให้ละเอียดรอบคอบดำเนินคดีเป็นไปตามกฎหมาย โดยจะเร่งติดตามความคืบหน้า และตรวจสอบในคดี ผกก. โจ้ เสียชีวิต โดยขณะนี้จะเน้นเรื่องสำนวนการเสียชีวิตของ ผกก.โจ้ เป็นหลักก่อน

สำหรับประเด็นที่ต้องสอบสวนสืบสวน ในเรื่องการเสียชีวิต ของผกก.โจ้ อาทิ ช่วงเหตุการณ์เกิดอะไรขึ้น มีผู้อยู่หรือเห็นเหตุการณ์หรือไม่ โดยจะมีการสอบปากคำพยานในกลุ่มต่างๆ อาทิ ผู้ที่อยู่ในเรือนจำ ผู้ต้องขัง ผู้เห็นหตุการณ์ เจ้าหน้าที่เรือนจำ รวมถึงแพทย์ที่ชันสูตรพลิกศพ

ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ส่วนพยานหลักฐาน ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณห้องขัง ผกก.โจ้ ผ้าขนหนูที่ใช้ผูกคอ เบื้องต้นทางกรมราชทัณฑ์ ได้ส่งภาพกล้องวงจรปิด บริเวณห้องขังผกก.โจ้ มาให้บางส่วน อยู่ระหว่างตรวจสอบ

นอกจากนี้ ประเด็นที่แฟนสาวมาแจ้งความเรื่อง ผกก.โจ้ ถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำ แต่ตำรวจไม่มีการตรวจสอบและคดีไม่คืบหน้านั้น ก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร และต้องตรวจสอบพนักงานสอบสวนดำเนินการไปอย่างรอบคอบ หรือบกพร่องต่อหน้าที่หรือไม่

” ในส่วนทางสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ จะมีการใชันสูตรพลิกศพ ผกก.โจ้ ซ้ำอีกหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับทางครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่ขณะนี้ยังไม่มีการร้องขอเข้ามา” พล.ต.ท.สมประสงค์ กล่าว

ภายหลังการประชุม พล.ต.ท.สมประสงค์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า วันนี้มีการประชุมเร่งรัดติดตามสำหรับคดีการตายของผู้กำกับโจ้ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำคดีไปคืบหน้าเยอะแล้วในหลายๆ เรื่อง ทั้งพยานหลักฐานต่างๆ รวมไปถึงภาพกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุ โดยมีกล้องทั้งหมด 2 ตัวที่อยู่บริเวณหน้าห้อง ตำรวจได้ตรวจดูแล้วทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ ก็ไม่พบความผิดปกติ โดยในที่เกิดเหตุตัวผู้กำกับโจ้ก็ยังทักทายผู้คุมตามปกติ

นอกจากกล้องในวันที่เกิดเหตุแล้ว ตำรวจจะร้องขอกล้องวงจรปิดตลอดทั้งสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุไปแล้วเช่นกัน แต่ต้องรอกรมราชทัณฑ์ส่งมาให้เพิ่มเติม โดยกล้องวงจรปิดพบว่าการจะเข้าห้องขังนั้นต้องมีเจ้าหน้าที่คอยไขกุญแจห้องขังของผู้กำกับโจ้ทุกครั้ง ยืนยันไม่พบว่ามีผู้ใดเข้าออกจากห้องขังนอกจากตัวผู้กำกับโจ้

พล.ต.ท.สมประสงค์ เผยอีกว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เรือนจำให้การว่า ในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เรือนจำได้พบผู้กำกับโจ้เสียชีวิตประมาณ 20.00 น. ขณะที่กำลังจะนำยาแก้เครียดไปให้ โดยเจ้าหน้าที่พยายามเรียกชื่อแต่ไม่มีการตอบรับ จึงก้มมองผ่านช่องประตูและพบว่าผู้กำกับโจ้นั่งอยู่ ก่อนจะทำการเขย่าแต่ก็ไร้การตอบรับ จึงนำมือสอดเข้าไปปรากฏว่าพบผ้าที่คอซึ่งถูกผูกไว้กับกรงประตู เจ้าหน้าที่ได้รีบนำกรรไกรมาตัดออกแต่ตัดไม่ขาด จึงรีบวิ่งกลับไปนำคัตเตอร์มาตัดผ้าออกเพื่อช่วยชีวิต ซึ่งตนได้ตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดแล้วก็เป็นไปตามคำให้การ

ต่อมาตำรวจได้รับแจ้งเหตุการเสียชีวิตประมาณ 23.00 น. แต่สามารถเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ในเวลา 10.00 น. ของอีกวัน พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยตำรวจไม่สามารถเข้าไปในที่เกิดเหตุได้ตั้งแต่ได้รับแจ้งนั้น เนื่องจากจะต้องมีหลายฝ่ายเข้าไปร่วมตรวจสอบพร้อมกัน ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์เป็นผู้นัดให้เข้าไปในเวลาดังกล่าว

ซึ่งศพของผู้กำกับโจ้ได้อยู่ตรงที่เกิดเหตุตั้งแต่เสียชีวิตจนถึงเวลาที่พนักงานสอบสวนได้เข้าไปตรวจที่เกิดเหตุเป็นเวลา 14 ชม. และจากการเข้าไปตรวจสอบพบว่าศพถูกนำมานอนหงายตรงและคลุมด้วยผ้าสีขาว และพบผ้าขนหนูที่ถูกตัดมีชิ้นหนึ่งผูกอยู่ที่กรง และอีกชิ้นอยู่ที่พื้น ซึ่งขนาดผ้าอยู่ที่ประมาณ 1.6 เมตร โดยขณะนี้กองพิสูจน์หลักฐานได้นำผ้าขนหนูไปตรวจหาดีเอ็นเอ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์

“โดยตอนที่ตำรวจไปพบศพนั้น ทิ้งระยะเวลาไว้นาน และมีการเปลี่ยนแปลงท่าการตายของศพก่อนที่ตำรวจจะไปพบเป็นศพ (จากนั่งเป็นนอน) จึงจะทำให้การชันสูตรศพยากขึ้น”ผู้ช่วย ผบ.ตร.ระบุ

นอกจากนี้ยังพบรอยเลือดเล็กน้อยที่อยู่ใกล้ศพจำนวน 2 หยด แต่กองพิสูจน์หลักฐานสามารถยืนยันได้ว่าเป็นเลือดมนุษย์ และได้เก็บเลือดดังกล่าวไปตรวจดีเอ็นเอแล้ว และยังพบว่ามีรอยกัดจากสัตว์ขนาดเล็กอยู่ที่บริเวณแขนซ้ายของศพอีกด้วย

ซึ่งในวันนี้ได้มีพนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย ผู้คุมที่อยู่เวร ผู้ต้องขังที่อยู่ห้องบริเวณรอบข้าง ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวน โดยคดีการตายและคดีการถูกทำร้ายร่างกายจะทำไปควบคู่กัน ซึ่งการตายนั้นตำรวจตั้งไว้ 2 ประเด็น คือตายเองหรือถูกทำให้ตาย เบื้องต้นตำรวจได้ตั้งกรอบระยะเวลาในการทำคดีนี้ไว้ 30 วัน เพื่อทำทุกอย่างให้กระจ่างแก่ประชาชน

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *