‘เทพไท’ วิเคราะห์ 5 ปัจจัยในโฉมหน้า ครม. อิ๊งค์ 2
03 ก.ค.2568 – นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหาบนเฟซบุ๊กในหัวข้อ “5 เงื่อนไข ครม.อิ๊งค์2” ระบุว่า หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ชุดอุ๊งอิ๊ง2 แล้ว มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงหน้าตาคณะรัฐมนตรี ถึงความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีของบุคคลต่างๆ ในหลายเงื่อนไข หลายรูปแบบ
ส่วนตัวผมอยากจะตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการปรับคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ว่า น่าจะเป็นข้อจำกัด หรือว่าเป็นไฟล์บังคับ หรือเป็นการปรับแบบซื้อใจ ซึ่งสามารถแยกแยะได้ 5 ประการ คือ
1.เป็นการปรับแบบรักษาดีลเดิม หรือรักษาดีลลับกับกลุ่มอนุรักษ์นิยม ซึ่งเห็นได้จากการว่างเว้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไว้ให้กับตัวแทนของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ เรื่องการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่ไม่มีการทูลเกล้าฯ รัฐมนตรีว่าการ มีแต่ทูลเกล้าฯ ครบแล้วแต่รัฐมนตรีว่าการลาออก จึงให้รัฐมนตรีช่วยปฏิบัติหน้าที่แทน แต่ครั้งนี้ว่างเว้นรัฐมนตรีว่าการ ให้รัฐมนตรีช่วยรักษาการแทน ในขณะที่บ้านเมืองมีปัญหาเรื่องความมั่นคงชายแดนกัมพูชา และชายแดน 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ แต่รัฐบาลไม่เห็นความสำคัญ หวังทูลเกล้าฯ ใหม่อีก 3 เดือนข้างหน้า ซึ่งไม่แน่นอนว่าเป็นวันไหน ต้องตั้งคำถามว่าการทูลเกล้าฯ แบบนี้ เป็นการทำให้ระคายเคืองเบื้องยุคลบาทหรือไม่
2.เป็นการปรับแบบตอบแทนพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล หลังจากมีกระแสพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค จะถอนตัวออกแบบมีเงื่อนไขต่อรอง จึงทำให้การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ มีการสัมมนาเก้าอี้รัฐมนตรีกัน แจกเก้าอี้รัฐมนตรีจนพรรคร่วมรัฐบาลมีความพึงพอใจ บางพรรคมีรัฐมนตรีว่าการถึง 4 กระทรวง บางพรรคเป็นพรรคเล็ก แต่ได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงใหญ่ เกรด A ถึง 2 กระทรวง บางพรรคก็ได้รัฐมนตรีช่วย พรรคละเก้าอี้จนสร้างความพึงพอใจให้กับทุกฝ่าย
3.ปรับเพื่อเอาใจกลุ่มการเมือง หรือแก๊งการเมือง ก๊วนการเมืองในพรรคเพื่อไทย ที่มีแรงเพื่อม มีการแย่งชิงตำแหน่งกัน เมื่อแย่งชิงเก้าอี้รัฐมนตรีไม่ได้ ก็ไปแย่งชิงเก้าอี้รองประธานสภาฯ เห็นได้จากการปรับคณะรัฐมนตรีให้ สส.บางคน ที่มีบทบาทเป็นกระบอกเสียงให้กับรัฐบาลหรือพรรค หรือให้กับนายกฯแพทองธาร จนได้รับบำเหน็จเป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงศึกษาธิการ หรือคนหน้าเดิมๆ ก็ยังอยู่ในกระทรวงเดิม บางคนก็ปรับเปลี่ยนกระทรวงกันไป
4.การปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อเอาใจกลุ่มทุน เห็นได้จากรัฐมนตรีบางคน มาในโควตาของกลุ่มทุน หรือพรรคการเมืองใหม่ ที่จะแยกตัวออกมาจากพรรคการเมืองเดิม แต่ได้ตำแหน่งถึงระดับรัฐมนตรีว่ากระทรวงเกรดAด้วย
5.การปรับเพื่อสัมมนาคุณ หรือตอบแทนให้กับกลุ่มงูเห่า จะเห็นได้ว่ามีรัฐมนตรีช่วย ที่เป็นโควตาพิเศษ ซึ่งในความหมายก็คือรัฐมนตรีของกลุ่มที่แตกทัพมาจากพรรคฝ่ายค้าน
ทั้งหมดนี้ คือรูปแบบการปรับคณะรัฐมนตรี ชุดอุ๊งอิ๊ง 2 และอยากจะตั้งข้อสังเกตต่อไปว่า การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ เหมือนกับการรู้ชะตากรรมของนางสาวแพทองธาร ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้อง และมีคำสั่งให้นางสาวแพทองธาร หยุดปฎิบัติหน้าที่ในวันที่ 1 กรกฎาคม จึงรีบเร่งทูลเกล้ารายชื่อคณะรัฐมนตรี จนทำให้เกิดข้อผิดพลาด คือทูลเกล้าฯ ให้ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ของนายภูมิธรรม เวชยชัย พ้นไปด้วย จึงทำให้นายภูมิธรรม ไม่สามารถรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ จึงตกเป็นหน้าที่ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และในขณะเดียวกัน ประเมินกันว่านางสาวแพทองธาร ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงมีการทูลเกล้าฯ ให้นางสาวแพทองธาร ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วย
อันนี้แหละคือสัญญาณรู้กันล่วงหน้าว่า การหยุดปฎิบัติหน้าที่ของนางสาวแพทองธารกำลังจะมาถึง และยังเป็นปัญหาต่อไปว่านางสาวแพทองธาร ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาทางข้อกฎหมาย เชื่อว่าประเด็นนี้จะมีการยื่นคำร้องเพื่อให้องค์กรอิสระพิจารณาอีก
จึงทำให้ ปัญหาของรัฐบาลชุดนี้ แก้กันไม่จบสิ้น การแก้ปัญหาในเรื่องข้อกฎหมายของรัฐบาลชุดนี้ ไม่ต่างอะไรกับลิงแก้แห จะตกอยู่ในวังวนไปมาไม่จบสิ้น