ระวังไม่มีแผ่นดินอยู่

ลุกเป็นไฟในโซเชียลครับ…

กับคำพูดของ “จักรภพ เพ็ญแข”

“พรรคเพื่อไทยต้องการใบอนุญาตนี้ เพื่อครองอำนาจอยู่ได้ เพื่อทำประโยชน์ เพิ่มอำนาจให้ประชาชน”

“ถ้ามัวแต่เอาใจประชาชน โดยไม่สนใจผู้มีอำนาจเดิม ซึ่งไม่ได้สนใจประชาชนเท่าไหร่ พรรคเพื่อไทย จะสูญพันธุ์ไปก่อน”

“อย่าลืมว่าชีวิตการเมือง อันดับแรก คือต้องอยู่รอดได้ ทำยังไงก็ได้อย่าให้ตาย เพราะตายก็ทำอะไรไม่ได้”

ครับ…พยายามอ่านอยู่หลายเที่ยวว่า คุณเพ็ญแข แกหมายถึงอะไร?

ใครคือ ผู้มีอำนาจเดิม

คสช.อย่างนั้นหรือ

หรือว่า จะเป็น ๓ ลุง

หรือ “คุณเพ็ญแข” กำลังพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์

สมัยการชุมนุมเสื้อแดง ก่อนเผาบ้านเผาเมือง มีการพูดคล้ายๆ แบบนี้กันเยอะครับ

ระบอบทักษิณ เขาบอกว่า กำลังสู้กับ พวกอำมาตย์ ในระบอบอำมาตยาธิปไตย

“คุณเพ็ญแข” นี่แหละครับที่ประกาศบนเวทีปราศรัยว่า จะทำสงครามประชาชน มุ่งมั่นจะล้มล้าง ระบอบอำมาตยาธิปไตย ลงให้ได้

เกิด วาทกรรมไพร่-อำมาตย์

ประเด็น ไพร่-อำมาตย์ ถูกนำมารณรงค์ในที่ชุมนุม  อ้างว่ามาจากสภาพสังคมไทยที่ไม่เสมอภาค ไม่เท่าเทียม

แบ่งแยกผู้คนออกเป็นฝักฝ่ายช่วงชั้นต่างๆ

วาทกรรมไพร่-อำมาตย์ ยังถูกใช้เพื่อเป็นการสร้างคู่ตรงข้ามหรือคู่ปะทะในการต่อสู้ทางการเมือง อย่างเปิดเผย

เสื้อแดงมองว่าตัวเองเป็นไพร่

 “อำมาตย์” หรือ “ระบอบอำมาตยาธิปไตย” ที่ คนเสื้อแดง มองว่าเป็นบุคคลระดับสูงในสังคม

และ “คุณเพ็ญแข” นี่แหละครับที่แต่งกลอนกล่าวถึง ไพร่-อำมาตย์ ในการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงปี ๒๕๕๐

มีการปลุกระดมไปพร้อมๆ กับวาทกรรม “สองมาตรฐาน”

กลุ่มสนับสนุน “ทักษิณ” ที่ถูกรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ รวมถึง “คุณเพ็ญแข” ก่อนมาเป็น นปช. คนเสื้อแดง เคยใช้ชื่อ “แนวร่วมประชาชนต้านรัฐประหาร” (นตปร.) กำหนดยุทธศาสตร์ “คว่ำ โค่น ล้ม”

นั่นคือ “คว่ำ” รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. ๒๕๕๐ และนำรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. ๒๕๔๐ กลับมาใช้

 “โค่น” ระบอบอำมาตยาธิปไตยที่มีประธานองคมนตรีเป็นตัวแทนและสร้างระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงขึ้นมา รวมถึงล้ม คมช.และผลผลิตทั้งหมดของ คมช.

เมื่อปี ๒๕๖๓ ที่ผ่านมานี่เอง “คุณเพ็ญแข” เขียนข้อความโพสต์ลงในโซเชียลว่า “ไปบ้านพลเอกเปรมทำไม?”

“…มวลชนที่ไปด้วยกันเป็นจำนวนนับหมื่นเอง ก็อาจจะจำไม่ได้แล้วว่า เราเคลื่อนขบวนมวลชนฝ่าด่านตำรวจ-ทหารแถวเทเวศร์ ในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ไปจนถึงบ้านหลวงของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งเป็นประธานองคมนตรีของรัชกาลที่ ๙ กันทำไม? ยิ่งมวลชนรุ่นหลังที่เพิ่งโตทัน ก็อาจจะยิ่งไม่รู้ว่า ความหมายแท้จริงของเหตุการณ์ในครั้งนี้คืออะไร ตัวผมซึ่งอยู่ในเหตุการณ์และได้ร่วมตัดสินใจกระทำการครั้งนี้ด้วย ขอเล่าให้ท่านทั้งหลายได้ฟัง เพื่อเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ไว้ดังนี้         

๑.ขอให้สังเกตว่า ทุกคนในขบวนประท้วงสวมเสื้อสีเหลือง ซึ่งเป็นสีเสื้อเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๙ ที่รัฐบาลเลือกตั้งของ ดร. ทักษิณ ชินวัตร ริเริ่มขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๙ การสวมเสื้อเหลืองไปประท้วงพลเอกเปรมฯ เป็นวิธีการสื่อสารว่า คนของหลวงกำลังทำร้ายประชาชน พลเอกเปรมฯ ซึ่งครั้งหนึ่งมีความสำคัญและเป็นหลักเสาหนึ่งของแผ่นดิน ได้กลับเหลิงลอยตัวและใช้เสาหลักนั้นกลับมาเฆี่ยนตีทำร้ายประชาชน เมื่อเกิดการรัฐประหาร คมช. พ.ศ. ๒๕๔๙ บุคคลในห้องเล็กๆ นั้นมีเพียง…., คณะรัฐประหาร และพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ทุกคนก็รู้ในบัดนั้นว่าพลเอกเปรมฯ คือ project manager หรือหัวหน้าโครงการรัฐประหาร การยกขบวนมวลชนไปหาพลเอกเปรมฯ ถึงบ้าน จึงเป็นวิธีการสื่อสารไปสู่ระดับสูงว่า เราประชาชนกำลังมีความทุกข์ เหมือนมาสั่นกระดิ่งไปจนถึงพ่อขุนรามคำแหงในสมัยสุโขทัยตามหลักศิลาจารึก (ซึ่งนักประวัติศาสตร์ต่างสรุปกันแล้วว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ในยุคหลัง) เสื้อเหลืองในวันนั้นเป็นภาษาที่บอกว่าเรามาอย่างสงบและพร้อมยอมรับเงื่อนไขที่เป็นอยู่ ขอให้เร่งถอดชนวนระเบิดเสียเถิด อย่าใช้งานคนชั่ว อย่าร่วมมือกับคนชั่ว และอย่าเอาพิมเสนประชาชนไปแลกกับเกลืออำมาตย์เพียงไม่กี่คนเลย แต่แล้วการณ์ก็ปรากฏชัดในบัดนั้นว่า ไม่มีใครต้องเข้าข้างใคร ไม่มีใครเอาอะไรมาแลกกับใคร ทุกอย่างคือเนื้อเดียวกันและเป็นสิ่งเดียวกันมาตั้งแต่ต้น อาจจะแนบแน่นกันมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๒๕ หรือย้อนไปถึงสมัยอยุธยาตอนที่รับลัทธิไศเลนทร์มาเลยก็ได้ การไปชุมนุมหน้าบ้านพลเอกเปรมฯ และถูกทำร้ายในเสื้อเหลือง เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดเสื้อแดงขึ้น คนเสื้อแดงเป็นเผ่าพันธุ์ที่เกิดขึ้นกลางสนามรบ เกิดจากเลือดของการถูกทำร้ายและน้ำตาจากความผิดหวังคั่งแค้น รวมทั้งการถูกกดขี่เหยียดหยามให้ต่ำกว่าคน

๒.พลเอกเปรมฯ เป็นตัวแทนของอัตตาอันรุนแรง จนเกิดความหลงว่าไม่มีระบอบไหนจะยิ่งใหญ่เท่าของตน ล้างสมองจนมวลชนจำนวนมากกลายเป็นนกที่ติดยาบ้า ปล่อยจากกรงไปแล้วยังถลากลับมาร้องขอเข้ากรงอีก มวลชนในระบอบที่พลเอกเปรมฯ ทำหน้าที่หลงจู๊ จึงไม่มีความมั่นใจในตัวเอง นึกว่าต้องถลาเข้าไปเกาะขาคนใหญ่คนโตอยู่ร่ำไป คนที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง จะลามต่อไปถึงการวิ่งเต้นเส้นสาย การฝากลูกหลานกับคนใหญ่คนโต ความรู้สึกหมั่นไส้คนดีคนตรง และกลายเป็นมนุษย์ขี้อิจฉาริษยา จนทำให้สังคมไทยกลาดเกลื่อนและโสโครกไปด้วยคนชนิดนี้ การจับประเด็นที่ตัวพลเอกเปรมฯ จึงเป็นความตั้งใจจะเหนี่ยวต้นไม้ที่กลางลำต้น หวังให้พัฒนาขึ้นบนหรือลงล่างก็ได้ เราจะได้ไม่ต้องโกรธกันไปจนตายและหาทางแก้ไขปัญหาได้ แต่เราก็คิดผิด เขาเห็นว่าเราเป็นเพียงสัตว์ชั้นต่ำที่ทะลึ่งโผมาเกาะต้นไม้อันศักดิ์สิทธิ์ ที่แผ่กิ่งก้านสาขาอยู่รอบเขาพระสุเมรุเท่านั้น

๓.ผมปราศรัยในวันนั้นอย่างเด็กที่ผิดหวังในผู้ใหญ่ของบ้านเมือง คุณทักษิณเขาไม่ใช่คนวิเศษวิโส เขาไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่เขาทำประโยชน์ให้กับพวกประชาชนอย่างผม ให้เขาทำงานต่อไปเพื่อให้ชีวิตติดดินของเราดีขึ้นสักนิดไม่ได้เชียวหรือ อิจฉาริษยาอะไรกันนักหนา จะเอาเหรียญตราและสายสะพายกันอีกกี่เส้นจึงจะพอ ผมจะได้เอาหัวหน้าไพร่เข้ามาทำงานแบบชั่วคราวได้ พลเอกเปรมฯ ในวันนั้นก็สวมสายสีเหลืองสวยงาม จนคนเดินดินกินข้าวแกงจะมานั่งโซฟาตัวเดียวกันก็ไม่ได้แล้วไม่ใช่หรือ? ผมถึงถามเข้าไปบ้านของพลเอกเปรมในวันนั้นว่า เมื่อไหร่ท่านจะพอ ให้ลูกชาวบ้านเขาโงหัวขึ้นบ้างไม่ได้เลยหรือในบ้านเมืองนี้?

การไปบ้านพลเอกเปรมฯ เมื่อ พ.ศ. 2550 จึงเป็นการเสนอไมตรีและอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายในการรักษาสายสัมพันธ์ระหว่างคนในชาติ คดีที่จับเข้าคุกกันล่าสุดนี้ จึงมีเป็นคำปฏิเสธมิตรไมตรี และไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่าความโง่ซ้ำซากของฝ่ายผู้กระทำ เหตุที่ว่าโง่ก็เพราะเป็นการกระทำที่ไม่มีประโยชน์โภชน์ผล มีแต่โทษรออยู่ทั้งนั้น

ผมรู้ดีว่ามวลชนมากมายกำลังรู้สึกหดหู่ ปลอบท่านได้อย่างเดียวว่า คดีนี้ส่อแสดงอาการของศูนย์อำนาจที่กำลังรวมสังขารไม่ติด ไม่ใช่อาการที่แสดงความแข็งแรงเลยแม้แต่น้อย ขอให้พวกเราทุกๆ ท่านที่ต้องเดินเข้าไปข้างใน จงอยู่รอดปลอดภัย รักษาสุขภาพให้ดี แล้วเราจะพบกันอีก

ทำร้ายกันอยู่ข้างเดียวแบบนี้ นึกหรือว่ากำแพงเมืองจีนมีประตูเข้าออกอยู่ด้านเดียว?…”

ทั้้งหมดนี้อธิบายเรื่อง ผู้มีอำนาจเดิม และใบอนุญาตเพื่อครอบครองอำนาจการเมืองในมุมของ “คุณเพ็ญแข”

เป็นการสร้างความสับสนอย่างไม่รับผิดชอบ

“คุณเพ็ญแข” กำลังดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ มาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการเมืองอีกครั้ง

รัฐบาลมีอำนาจเต็มในการบริหารประเทศ อยู่ที่รัฐบาลจะใช้อำนาจไปทางไหนต่างหาก 

พรรคเพื่อไทยจะอยู่รอดได้ ไม่ยาก แค่อย่าโกง

รัฐบาลทักษิณ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีอันเป็นไปเพราะโกง

ครั้งนี้ก็เช่นกัน รัฐบาลแพทองธาร จะอยู่รอดหรือไม่ ขึ้นกับโกงหรือเปล่า

ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจเดิมตามความหมายของ “คุณเพ็ญแข” เลยแม้แต่น้อย

อย่าจุดไฟให้มีการเข้าใจผิดในสถาบันพระมหากษัตริย์ขึ้นมาอีก

ระวังไม่มีแผ่นดินอยู่!

The post ระวังไม่มีแผ่นดินอยู่ appeared first on .

You may also like...