คุณหญิงสุดารัตน์-หน.ไทยสร้างไทย มองการเมืองแบบตบจูบในรัฐบาล พท.ยึดมหาดไทยคืนจากภท.

 

ท้ายที่สุด ก่อนยุบสภาฯ เขาต้องยึดกระทรวงมหาดไทยคืนแน่ก่อนยุบสภา .. หากมองการเมืองแบบที่เขามองกันโดยไม่เห็นหัวประชาชน ก็เป็นเวลาที่จะไปยึดมหาดไทยมาเพื่อสร้างกลไกช่วยเหลือตัวเองในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ไม่มั่นใจว่า จากเสียงที่มีขณะนี้แล้วจะไปสู้ศึกกับสว.เขาจะกล้าทำหรือไม่ แล้วก็ยังมีโปรเจกต์ที่ส่อไปในเชิงทุจริตเชิงนโยบาย ที่ผู้มีอำนาจจะได้เงิน ได้ผลประโยชน์อีกหลายโครงการที่กำลังรออยู่ ถ้าตกลงผลประโยชน์กันลงตัว ผ่านไปด้วยกัน แล้วแบ่งกัน เลยมองว่า ปรับใหญ่อาจจะ 50-50 แต่ไม่ช้าไม่นาน ก็จะปรับใหญ่แล้วยึดกระทรวงมหาดไทยคืนแน่ แต่จะยึดในรอบนี้เลยหรือไม่ ยัง 50-50

“คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย-นักการเมืองหญิงชื่อดังที่คว่ำหวอดอยู่ในการเมืองไทยมาร่วมสามสิบปีกว่าปี”โดยที่ผ่านมา คุณหญิงสุดารัตน์ ผ่านตำแหน่งสำคัญทางการเมืองมาแล้วมากมายเช่น รมว.เกษตรและสหกรณ์ -รมว.สาธารณสุข-รมช.มหาดไทย และส.ส.หลายสมัย เป็นต้น

กับสถานการณ์การเมืองปัจจุบันที่หลายคนสนใจกันว่ารัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีในช่วงต่อจากนี้อย่างไร และปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาลจะส่งผลต่อเสถียรภาพรัฐบาลมากน้อยแค่ไหน ทาง“คุณหญิงสุดารัตน์-หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย”ที่เคยเป็นอดีตผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทยที่ก็คือพรรคเพื่อไทยปัจจุบัน และเป็นแกนนำพรรคเพื่อไทยมาก่อนหน้านี้ วิเคราะห์การเมืองต่อจากนี้ว่า พรรคร่วมรัฐบาลคงอยู่กันแบบตบจูบกันไป จะมีความขัดแย้งที่มองไม่เห็น ในอนาคตคงจะมีให้เห็นอีก อย่างที่เห็นในช่วงที่ผ่านมา ที่มีเรื่องใหญ่หลายเรื่องเช่นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ-นโยบายเกี่ยวกับกัญชา จนมาถึงเรื่องนโยบายการเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ให้มีการสร้างบ่อน รวมถึงกรณีของสมาชิกวุฒิสภา(การสอบสวนการฮั้วเลือกสว.ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ) ก็จะทำให้เกิดการต่อรองกัน อยู่กันแบบการเมืองจริงๆ ก็คือการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของนักเลือกตั้งทั้งหลาย ไม่ได้เป็นการเมืองเพื่อประชาชน ก็พยายามอยู่แบบต่อรองกัน

อย่างเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ก็มีข่าวอยู่ช่วงหนึ่งว่าอาจจะให้มีการไปตั้งในพื้นที่เลือกตั้งของพรรคการเมืองหนึ่ง จนเกิดกระแสออกมาบอกว่า เห็นด้วยกับนโยบาย แต่เชื่อว่าก็คงมีคนรุ่นใหม่ ที่เขาอยู่ในพรรคการเมืองดังกล่าว(พรรคร่วมรัฐบาล) แล้วมีความห่วงใยประเทศ ก็อาจไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้อย่างที่ผู้มีอำนาจไปตกลงกัน เห็นได้จากเสียงสะท้อนที่ออกมาเช่น นายไชยชนก ชิดชอบ (เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย)ที่เป็นคนรุ่นใหม่ ส่วนเรื่องสว.ก็คือกรณีที่มีความพยายามจะนำองค์กรที่อยู่ใต้อาณัติของรัฐบาลมาเล่นงานสว.ทั้งที่หากคณะกรรมการการเลือกตั้งทำหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม ก็จะไม่เกิดปัญหานี้เลย ก็เลยกลายเป็นเรื่องการเมือง คนก็มองว่าแทนที่กกต.จะทำหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม ก็จะไม่ถูกครหานินทา แต่เมื่อกกต.ไม่ทำ ก็เป็นจังหวะที่ผู้มีอำนาจสามารถนำอำนาจของตัวเองมาใช้ในส่วนนี้ได้ แต่สว.ก็ไม่ยอมก็สู้กลับ ก็เลยกลายเป็นการต่อสู้กันทางการเมืองมันเลยไม่เป็นไปตามครรลองของการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจริงๆ

สิ่งเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึง”รอยร้าว”ที่เป็นเรื่องของความพยายามต่อรองอำนาจที่ต้องการนำมาแบ่งกัน

“คุณหญิงสุดารัตน์“กล่าวต่อไปว่าสำหรับกระแสข่าวปรับครม.ต้องบอกว่า ตั้งแต่หลังการเลือกตั้งปี 2566 และมีการตั้งคณะรัฐมนตรี เราเห็นคนที่มีฝีมือ มีความเชี่ยวชาญแต่ละด้านน้อยมาก ถามว่าเราเห็นผลงานอะไรบ้าง ประชาชนประสบความยากลำบากกันจำนวนมาก ตั้งแต่ก่อนที่จะมีการประกาศนโยบายกำแพงภาษี จากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาฯ ประชาชนก็แย่อยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเกษตรกรรากหญ้า ที่แย่มาหลายปี

 รัฐบาลมาใหม่ ตอนแรกเป็นความหวังของเขา แต่ก็แก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้ ได้แต่แจกเงินหมื่น โดยไม่ได้สร้างงานสร้างอาชีพ สร้างการหมุนเวียนใดๆ ในระบบเศรษฐกิจ แจกเงินไปก็เหมือนเอาน้ำไปรดในทะเลทราย และเป็นยุคที่ของแพงทั้งแผ่นดิน ตอนนี้ราคาเนื้อหมูแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ค่าครองชีพสูง รายได้ลด ถึงตอนนี้ยังไม่เห็นมาตราการแก้ไขปัญหา เรื่อง เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ที่เคยเป็นจุดแข็งของพรรคการเมืองตระกูลไทยรักไทยเดิม มาวันนี้ไม่มี แต่กลายเป็นว่าการปรับครม. ที่มีข้อสังเกตุว่า การปรับครม.ที่ผ่านมา Put the right man on the right jobมีน้อยมาก และปรับครม.ที่เป็นกระแสข่าวตอนนี้ ก็เห็นพูดแต่เรื่องเดียวคือจะเอา”กระทรวงมหาดไทย”คืน ถามว่าเอากระทรวงมหาดไทยคืนแล้วประชาชนอยู่ดีกินดี ได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องจะนำคนมาทำงานให้กับประชาชน มาแก้ปัญหาเร่งด่วน เช่นนำคนที่เชี่ยวชาญเรื่องการเจรจา มาทำงานเรื่องการแก้ปัญหาภาษีนำเข้าตามนโยบายประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งที่วิกฤตครั้งนี้มันก็มีโอกาสที่ไทยจะพลิกได้หลายอย่างเช่น การเจรจาเอฟทีเอกับอียู ที่ผ่านมาก็ยืดเยื้อมานาน โอกาสนี้เป็นโอกาสที่ต้องรีบทำ ก็ใช้วิกฤตครั้งนี้ให้เป็นโอกาสได้ แต่เราก็จะเห็นแต่เรื่องผลประโยชน์ของนักการเมืองและเกมการเมืองที่จะต่อรองผลประโยชน์

อย่างข่าว จะเอากระทรวงมหาดไทยคืน ที่ต้องถามว่าการที่ก.มหาดไทยอยู่กับพรรคภูมิใจไทยกับอยู่กับพรรคเพื่อไทย ประชาชนจะอยู่ดีกินดีเพิ่มขึ้นได้อย่างไร นอกเหนือจากการนำมหาดไทยมาเพื่อเตรียมการเลือกตั้ง เตรียมกลไกใช้อำนาจรัฐเพื่อที่จะนำข้าราชการ กลไกของรัฐมาเอื้อต่อฝ่ายตัวเอง  มันไม่ได้ประโยชน์อะไรกับประชาชนเป็นเรื่องน่าผิดหวังมากในยามที่ประชาชนยากลำบากแบบนี้ ยากลำบากทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ยากลำบากทั้งคุณภาพชีวิต และการมองไม่เห็นอนาคตว่าทิศทางของประเทศจะไปอย่างไร คนจนแย่มานานแล้ว และคนชั้นกลางเริ่มแย่ และจะมาซ้ำด้วยภาษีสหรัฐฯ ส่วนคนรวยไม่ได้รับผลกระเทือนแต่ก็เริ่มประหยัดการใช้จ่าย

..จริงๆ นายกเจนวาย น่าจะมองเรื่องการสร้างประเทศเพื่อสร้างอนาคต ไม่ใช่การสร้างชาติด้วยการสร้างบ่อน จะหาเงินมาให้ประชาชนด้วยการนำเงินบ่อนมาให้ อย่างสิงคโปร์แม้จะทำ แต่สิ่งที่เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าไม่ใช่บ่อนกาสิโนแต่คือคน เราไม่พัฒนาคนแต่เราจะไปพัฒนาบ่อน ซึ่งผิดหลัก นายกฯเป็นคนรุ่นใหม่น่าจะมองเรื่องการสร้างอนาคต

วันนี้เราต้องยอมรับว่า วันนี้แม้ไม่มีเหตุปัจจัยภายนอก แต่แค่ปัจจัยภายในประเทศเราเอง ก็เหนื่อยแล้ว จากปัจจัยเช่นเราเป็นประเทศผู้สูงวัย สัดส่วนประชากรผู้สูงวัยสูง สัดส่วนคนทำงานลดลงเรื่อยๆ คนสูงวัยมากขึ้น และเป็นคนแก่ที่ยากจน เมื่อยากจนก็สุขภาพไม่ดี และเราไม่เห็นนโยบายว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร หรือเรื่อง”การศึกษา”หากดูการศึกษาไทยในระบบ ก็ยังไม่มีการพัฒนาอะไร ทั้งที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป เรายังสอนให้เด็กแข่งกับAI เช่นท่องแข่งกับ AI ซึ่งไม่สามารถจะเป็นอนาคตของประเทศได้แล้ว ควรต้องเปลี่ยนหลักสูตรการศึกษาให้เด็กรู้จักใช้เทคโนโลยี อย่างที่จีนหรือประเทศรอบบ้านเรา ก็สอนให้เด็กรู้จัก AI ตั้งแต่ชั้นประถม และสอนให้คนรู้จักใช้เครื่องมือต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ต่อการประกอบอาชีพของตัวเอง แต่ของเรายังมาสอนให้เด็กท่องแข่งกับ AI

 และประเทศเราแก่จริงๆ ไม่ได้แก่ด้วย AGING   แต่แก่ด้วยเทคโนโลยี เรามีประชากรที่รู้เรื่องเทคโนโลยีแค่ห้าหมื่นคน แต่เวียดนาม มีประชากรที่รู้เรื่องเทคโนโลยีสองล้านคน เราจะเห็นว่าการผลิตของเรา ตกยุคไปแล้ว การผลิตของเรายังเป็นแบบการผลิตในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เป็น OEM  (Origianl Equipment Manufacturerคือ ผู้รับจ้างผลิตสินค้าให้กับบริษัทที่จะไปขายในแบรนด์ของตัวเอง) โดยไม่มีเทคโนโลยี ซึ่งในอดีตอาจจะได้เพราะค่าแรงเรายังถูก แต่วันนี้ค่าแรงไทยไม่ได้ถูกอีกแล้ว

 เมื่ออุตสาหกรรมของเราไม่มีคน ไม่มีเทคโนโลยี ไม่มีการวิจัยพัฒนา เราจึงเป็นโครงสร้างอุตสาหกรรม-เศรษฐกิจที่แก่และล้าสมัย เราจะเห็นว่ามีบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน Tech มาเมืองไทยมากมาย แต่สุดท้ายไปลงทุน ที่เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย เพราะเรื่องเดียวเลยคือ”ทักษะ”ซึ่งวันนี้จริงๆเรื่องทักษะไม่จำเป็นต้องสอนแต่ในโรงเรียน มีหลายส่วนที่ทำได้เช่น การUpskill – Reskill   ให้กับกลุ่มคนทำงาน รวมถึงผู้สูงอายุ เพราะอย่างน้อยอยู่บ้าน ก็ช่วยลูก ขายของได้ก็ยังดี

เชื่อพท.จ้องยึดมหาดไทยคืนจากภท.

“คุณหญิงสุดารัตน์-หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย“กล่าวประเมินสถานการณ์การเมืองว่า นายกฯไม่ยุบสภา ไม่ลาออกแน่นอน การันตีได้เลย และรัฐบาลก็จะอยู่กันไปแบบนี้ ถ้าเพื่อไทยคิดว่าเขาจะดึงงูเห่าได้เยอะพอ เขาก็ดึงงูเห่าพรรคไทยสร้างไทยไปแล้ว ก็ดึงงูเห่า ซื้อตัว เอาตำแหน่งไปหลอกล่อ ได้เยอะพอ ก็อาจมีความมั่นใจที่จะกล้า หักกับภูมิใจไทย แต่วันนี้ยังคิดว่ายัง 50-50 อยู่ ก็อาจจะรออีกเรื่องหนึ่ง อันนี้ไม่ได้แช่ง แต่คือกรณีพรรคประชาชน เขามีคดีติดค้างอยู่ (คดีอดีตส.ส.ก้าวไกล ลงชื่อเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ) ทางแกนนำรัฐบาล พรรคเพื่อไทย เขาอาจมองจังหวะนี้ แต่วันนี้ก็บี้กันไปบี้กันมา ตบจูบ

เราก็ได้เห็นภาพเลขาธิการพรรค คนรุ่นใหม่ ออกมาพูด บอกว่ามีความไม่สบายใจ แล้วหัวหน้าพรรคก็ไปขอโทษ เป็นเรื่องลิเกหมด คนรุ่นใหม่อาจรู้สึกแบบนั้นจริงๆ แต่คนรุ่นใหญ่กลับมองไม่เห็นอะไรที่ควรทำเพื่อลูกหลาน แต่กลับมองไม่เห็น ก็ไปต่อรองกันเพื่อให้อยู่ในอำนาจ จึงไม่เชื่อว่าจะมีการปรับใหญ่ อย่างมากก็แค่ต่อรองกัน อาจจะมีการปรับในพรรคเพื่อไทยเยอะหน่อย แต่ถึงขนาดเอาพรรคภูมิใจไทยออก ยัง 50-50

” แต่ท้ายที่สุด ก่อนยุบสภาฯ เขาต้องยึดกระทรวงมหาดไทยคืนแน่ก่อนยุบสภา แต่ต้องมีเวลาพอสมควรด้วย ซึ่งเวลานี้ หากมองการเมืองแบบที่เขามองกันโดยไม่เห็นหัวประชาชน ก็เป็นเวลาที่จะไปยึดมหาดไทยมาเพื่อสร้างกลไกช่วยเหลือตัวเองในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ไม่มั่นใจว่า จากเสียงที่มีขณะนี้แล้วจะไปสู้ศึกกับสว.เขาจะกล้าทำหรือไม่ แล้วก็ยังมีโปรเจกต์ที่ส่อไปในเชิงทุจริตเชิงนโยบาย ที่ผู้มีอำนาจจะได้เงิน ได้ผลประโยชน์อีกหลายโครงการที่กำลังรออยู่ ถ้าตกลงผลประโยชน์กันลงตัว ผ่านไปด้วยกัน แล้วแบ่งกัน ก็เลยมองว่า ปรับใหญ่อาจจะ 50-50 แต่ไม่ช้าไม่นาน ก็จะปรับใหญ่แล้วก็จะมีการยึดกระทรวงมหาดไทยคืนแน่ แต่จะยึดในรอบนี้เลยหรือไม่ ยัง 50-50″

-มองการทำงานของนายกเจนวายช่วงที่ผ่านมา ถือว่าโอเคหรือไม่ หรือว่าไม่ใช่นายกฯตัวจริงกันแน่?

จริงๆแล้วนายกฯ ก็เป็นคนรุ่นใหม่ เราต้อง respect เขาอย่างหนึ่งว่า คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ตรงไปตรงมา แล้วไม่ได้เป็นคนที่มองแต่ตัวเอง แต่มองสังคม มองเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม มองเรื่องอนาคต -ธรรมาภิบาล ความสุจริต มีวิสัยทัศน์ที่ห่วงอนาคตข้างหน้า ซึ่งตรงนี้ควรอยู่ในคนรุ่นใหญ่ แต่กลายเป็นว่าคนรุ่นใหม่ รู้สึกกับเรื่องแบบนี้มาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่ไม่ทราบว่านายกฯแพทองธาร ชินวัตร จะได้คิดในเรื่องเหล่านี้หรือไม่

เพราะเรายังไม่เห็นนโยบายอะไรที่ออกมาแม้แต่เรื่องที่เป็นรากเหง้าของปัญหา ของประเทศคือการทุจริต ที่คนเป็นนายกฯควรต้องเป็นคนที่มี political view มีเจตจำนงที่มุ่งมั่น เรื่องนี้ ให้สมกับเป็นนายกเจนวาย มุ่งปราบทุจริตจริงๆ แต่เรากลับเห็นทุจริตที่เบ่งบาน จนองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นประเทศไทย ออกมาเปิดเผยว่า งบประมาณลงทุนของรัฐ ถูกเรียกเก็บผลประโยชน์เข้ากระเป๋านักการเมือง สามสิบเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป เหตุการณ์ตึกสตง.ที่ถล่มลงมา มันคือฝีเน่าที่แตก แต่มันยังซ่อนอยู่ในร่างกายเต็มไปหมด ก็ควรใช้โอกาสนี้ทำอะไร นายกเจนวาย ควรมีวิสัยทัศน์แบบนี้ ถ้านายกแพทองธาร กลับมาคิดแบบนี้ แล้วทำให้กับประเทศได้ก็จะเป็นประโยชน์ แต่ว่ามันกลายเป็นเหมือนกับว่า สิ่งที่ออกมาจากรัฐบาล ไม่มีเรื่องวิสัยทัศน์ ไม่มีเรื่องการแก้ไขปัญหาประชาชนอย่างแท้จริง มีแต่เรื่องประชานิยมแจกเงิน

เรื่องนี้เป็นเรื่องของการนำ คือตัวผู้นำคิดถึงประชาชน คิดถึงประเทศชาติหรือไม่ มันเป็นpolitical view เป็นเรื่องที่ Leader  มี political view หรือไม่  

-สาเหตุที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายการให้มีเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เพราะเหตุใด?

หากย้อนไปตอนดีเบตการเลือกตั้งที่ผ่านมา เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในนโยบายพรรคไทยสร้างไทย แต่ก็มีการตั้งคำถาม(ช่วงดีเบต)ว่า เรื่อง 112 เอาไหม เรื่องกาสิโน เอาหรือไม่ในการดีเบตช่วงเลือกตั้ง ก็มีพิธีกรแต่ละรายการมีการถาม อย่างเรื่อง 112 เราก็บอกว่าไม่แก้ แต่บางพรรคการเมืองก็บอกว่าควรแก้ แม้แต่พรรคเพื่อไทยเองก็บอกว่าแก้ เรื่อง บ่อนกาสิโน ก็เหมือนกัน ก็มีการถาม

ต้องบอกแบบนี้ว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่สร้างบ่อนกาสิโน มันคือเรื่องบ่อนเป็นหลัก เพราะถ้าจะทำเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ไม่มีกาสิโน ไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายใหม่ เพราะสวนสนุก สวนน้ำ มีเยอะไปหมด สถานที่จัดประชุมก็มี ก็ไปลงทุนสร้างหอประชุมใหญ่ๆ ถ้าอยากให้มีที่เล่นคอนเสิรต์ใหญ่ๆ รัฐบาลก็ลงทุนไป หรือให้เอกชนร่วมลงทุนก็ได้ แต่หัวใจคือบ่อนจึงได้ออกกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ถึงได้บอกว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ซ่อนบ่อนกาสิโน  แล้วที่้ร้ายกว่านั้นอีกก็คือจะนำพนันออนไลน์ แทนที่จะต้องปราบ ทั้งบ่อนเถื่อนทั้งพนันออนไลน์ แต่กลับจะทำให้ถูกกฎหมาย โดยเอาพนันออนไลน์มาแบ็ก  ซึ่งทุกวันนี้คนไปเล่นที่บ่อนมันน้อยลง แถวประเทศเพื่อนบ้านเราถึงเจ๊ง แม้แต่ที่มาเก๊า คนก็ไปเล่นลดน้อยลง เพราะพนันออนไลน์ เล่นที่บ้านได้ แต่จะให้นำมาใช้ในประเทศไทย ถามว่าเราจะสามารถบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดได้แบบที่สิงคโปร์หรือไม่ นี้คือหัวใจ

พี่ไม่เชื่อว่าจะบังคับใช้กฎหมายได้อย่างเคร่งครัด เพราะวันนี้เราเห็นบ่อนอยู่ข้างโรงพัก เห็นยาบ้าขายอยู่หน้าโรงเรียน ขายเกลื่อนยิ่งกว่าลูกอมบางชนิด ทุนเทาออกมาเต็มไปหมด เรื่องใกล้ตัวเรายังปราบไม่ได้เลย แต่จะมาทำให้บ่อนถูกกฎหมายโดยผูกกับพนันออกไลน์ด้วย แบบนี้เจ๊งเลย เพราะกลุ่มคนที่ชักจูงง่าย แน่นอนคือกลุ่มเยาวชน และกลุ่มคนยากจน เขาก็พร้อมจะเสี่ยงโชค มันจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาของประเทศ  ของไทยเปรียบเทียบกับโมเดลฟิลิปปินส์ใกล้เคียงที่สุด ฟิลิปปินส์ให้เปิดมาแล้วเกือบห้าสิบปี มีออนไลน์ด้วย แล้ววันนี้เป็นอย่างไร ฟิลิปปินส์ก็แย่ คนต้องออกมาทำงานนอกประเทศ ปัญหาอาชญากรรมก็มากขึ้นจากผลการศึกษาของนานาชาติ

เรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่ไม่เคยอยู่ในนโยบาย เอาขึ้นมา แบบรีบเร่งมากที่สุด ยิ่งกว่าปัญหาปากท้องประชาชน หมูแพง ยังไม่เดือดร้อนเท่าต้องเข็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เลยสงสัยว่ามันเป็นทุจริตเชิงนโยบายหรือไม่ เพราะตัวกฎหมายก็มีความชอบกลแล้ว คือกฎหมายหากเป็นของดี ต้องเปิดเผยว่ามันเป็นเรื่องที่ดี แต่อันนี้เร่งรีบแบบปกปิด

ตอนอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังไม่เอาเข้าครม. แต่พออภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จ ประชุมครม.วันถัดไป เอาร่างกฎหมายเข้าที่ประชุมครม.เลย แล้วก็พยายามจะดันเข้าสภาแบบเร่งรีบ แล้วตัวกฎหมาย ก็เขียนให้มีคณะกรรมการนโยบาย โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีรัฐมนตรีนั่งเป็นกรรมการเต็มไปหมด มีข้าราชการประจำเล็กน้อย แล้วให้อำนาจเกือบทั้งหมดกับคณะกรรมการชุดนี้ เช่นให้กำหนดได้ว่าจะให้เปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์กี่แห่ง หากสภาผ่านร่างกฎหมาย ก็เท่ากับตีเช็คเปล่าให้กรรมการชุดดังกล่าว ซ้ำร้าย เมื่อมีรายได้ ก็ให้กรรมการชุดนี้ทำการจัดสรรก่อน เหลือแล้วถึงค่อยส่งคืนก.คลัง ไม่เหมือนหน่วยงานอื่นๆ แล้วจะมีมาตราการอะไรไม่ให้สิ่งนี้ไปมอมเมาเยาวชน คนยากจน

ส่วนที่ตั้งเงื่อนไขว่าคนไทยจะเข้าไปเล่นได้ต้องมีเงินฝากในธนาคารห้าสิบล้านบาท แต่สุดท้าย ก็จะไปแปรญัตติแก้ไขในสภาฯ ไม่ให้มีตรงนี้

ทั้งหมด มีการทำแบบลับๆล่อๆให้อำนาจฝ่ายการเมืองโดยคณะกรรมการชุดเดียว เท่ากับเอาอนาคตประเทศทั้งประเทศไปฝากไว้กับกรรมการชุดนี้ ที่จะตัดสินแบบขึ้นเขาลงห้วย ใครก็ไปค้านไม่ได้ เพราะกฎหมายให้อำนาจกรรมการไว้แล้ว

ส่วนที่บอกว่า ทำแล้ว จะมีคนมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากขึ้น ถามว่านักท่องเที่ยวที่มาเมืองไทย เขาอยากมาเที่ยวบ่อนหรือ แต่เขามาเพราะคนไทยมีการต้อนรับที่ดี มาแล้วสบายใจ ธรรมชาติสวยงาม วัฒนธรรมดี สถานท่องเที่ยวของเราดี ทั้งภูเขา ทะเล เขามาท่องเที่ยวแบบนี้ อาหารไทยอร่อย วัฒนธรรมเราดี แต่ถ้ามีบ่อน ระวังนักท่องเที่ยวจีนจะหายหมด เพราะอย่างผู้นำเขา ประธานาธิบดีจีน สีจิ้นผิง ไม่สนับสนุนเลยเรื่องแบบนี้ อย่างมาเก๊า หลังจากนี้เมื่อหมดอายุสัมปทาน ก็จะไม่ต่อสัญญาแล้ว เขามีวิสัยทัศน์แล้วว่าจะเปลี่ยนมาเก๊า เหมือนกับที่เคยเปลี่ยน เซินเจิ้น เมื่อก่อนจะเป็นแหล่งของก็อปปี้ แต่ปัจจุบันเป็นเหมือนซิลิคอนวัลเลย์ เขาก็จะเปลี่ยนมาเก๊า ให้เป็นเมือง TECH ด้านใดด้านหนึ่ง พี่ไปจีนบ่อยมาก ได้เห็นเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ของจีนเยอะมากก็ไม่มีบ่อนกาสิโนอย่างที่ยูนาน เป็นต้น ต้องบอกว่า ไม่ได้จะทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น แต่สิ่งที่เราจะได้คือคนของเราจะติดการพนัน เป็นหนี้เป็นสิน หมดตัว จะเกิดปัญหาลักวิ่งชิงปล้น ปัญหาการก่ออาชญากรรม จะกลายเป็นแหล่งฟอกเงิน แหล่งทุนเทาทั้งหมดที่จะเข้ามาเพราะเราไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้แบบสิงคโปร์

ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจจริง ไม่ได้มีผลประโยชน์แอบแฝงในเรื่องทุจริตเชิงนโยบาย คุณต้องกล้าๆ เปิดทุกเรื่องบนโต๊ะเลย แล้วให้ประชาชนทำประชาพิจารณ์ว่าเอาหรือไม่เอา เพราะเป็นเรื่องอนาคตของเขา แล้วอาจเลือกเอาสักแห่งหนึ่ง แต่ตัวกาสิโนให้เป็นของรัฐ เหมือนอย่างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลก็เป็นของรัฐ หากมันไม่ดี รัฐจะได้ยกเลิกได้ แต่หากไปยกให้เอกชนทำ จะเสียค่าโง่สามสิบปี แล้วนี้จะทำกันแปดแห่ง สิบแห่ง เราเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรม มีความศิวิไลซ์ มีประวัติศาสตร์ที่ดี เราจะปล่อยให้ราชอาณาจักรไทยมีภาพลักษณ์เป็นเมืองของอบายมุขหรือ เราคนหนึ่งที่ไม่ยอมในการที่จะให้มีการมาทำลายชื่อเสียงของประเทศ

ค้านเอาที่ดินท่าเรือฯ คลองเตย ประเคนทำบ่อนกาสิโน

-มีกระแสข่าวว่ามีการเล็งพื้นที่ของการท่าเรือฯ ตรงคลองเตยจะให้ทำเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ คิดว่าจะส่งผลดีต่อกทม.หรือไม่?

ถ้าจะทำตรงที่ดินของการท่าเรือ ตรงคลองเตย สนับสนุนให้ทำเป็น Waterfront แบบที่ออสเตรเลีย ที่ซิดนีย์ วันนี้ถามว่าคนกรุงเทพ มีจุดที่จะลงไปชมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นแหล่งใหญ่ๆ หรือไม่ คำตอบคือไม่มี จะมีก็อาจเป็นของเอกชนเช่นไอคอนสยาม แต่ถ้าทำตรงนี้แล้วอาจจะให้มีร้านค้าเล็กๆ ให้มาเช่าขายของ มีร้านอาหาร มีคาเฟ่สวยๆ โดยให้คนมาชมทิวทัศน์เจ้าพระยาริมน้ำ ตรงพื้นที่ตรงนี้ก็จะเกิดประโยชน์กับประชาชน

แต่แผนของเขา เดาว่าเขาจะยกพื้นที่ตรงนั้นให้กับบริษัทที่มาทำกาสิโน ใช้ที่ดินของรัฐ ไม่ต้องเสียค่าที่ มันก็คือใช้หน่วยงานเป็นเครื่องมือ อย่าไปทำเลย หากจะทำ ก็คือแบบคืนประโยชน์ให้กับเจ้าของ ก็คือคนไทย หากทำ water front สวยๆ จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เยอะ แบบที่ออสเตรเลียหรืออีกหลายแห่งที่มีการทำ ซึ่งทำแบบนั้นจะดีกว่า ไม่ใช่เอาที่ไปให้คนสร้างบ่อน แบบนี้มันไม่ใช่ มันเป็นเรื่องผลประโยชน์หมด อยากให้ประชาชนจับตา

รวมถึงอยากให้จับตาการเปลี่ยนแปลงของบริษัทบางจากฯ ซึ่งบางจากเป็นบริษัทที่มีภาพลักษณ์ที่ดี ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของโดยตรง รวมถึงให้จับตาจำนวนหุ้นของประกันสังคมไว้ด้วย ตอนนี้มีการใช้กองทุนจากต่างประเทศที่เป็นนอมินีไทย ผู้มีอำนาจคนไหน ให้จับตาดู ว่าจะมาซื้อจะมาเทคฯบางจาก เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แล้วก็จะไปเจรจา ที่นายกฯบินไป(กัมพูชา)จะมีการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนหรือไม่ มีการต่อต้านกันไม่ให้ เชฟรอนฯ งั้นให้บางจาก โดยข้างหลังบางจาก ผู้ถือหุ้นใหญ่ คือใคร ผู้มีอำนาจที่รอ มีอำนาจทั้งจะอนุมัติด้วยและมีอำนาจทั้งเก็บเงินด้วย

อยากถามใจทุกคนว่าเราจะปล่อยให้ประเทศไปแบบนี้หรือ เลือกตั้งครั้งหน้า รัฐบาลก็คงไม่ได้แตกต่างจากครั้งนี้ หากสมการยังเป็นแบบนี้ อยากเชิญชวนคนที่ทนไม่ไหว และเห็นร่วมกันว่าต้องมาสร้างประเทศใหม่ ทำการเมืองใหม่ สร้างใหม่ขึ้นมา สร้างการเมืองสะอาด การเมืองสุจริตขึ้นมาเพื่อให้เราเห็นอนาคต มาใช้งบประมาณปรับโครงสร้างต่างๆ ให้ประเทศไทยเดินต่อไปได้ อยากจะ ทั้งท้าทายและเชิญชวน คนที่เห็นว่าประเทศไทย ไม่ควรอยู่แบบนี้ต่อไป

ลั่นเดินหน้าพรรคไทยสร้างไทย แม้โดนฝ่ายรัฐบาล ดึงส.ส.ไปเป็นงูเห่า

-ทิศทางพรรคไทยสร้างไทยหลังจากนี้จะเดินอย่างไรต่อไป?

ทำงานการเมืองมาสามสิบกว่าปี ตอนมาตั้งพรรคไทยสร้างไทย ก็ได้ประกาศแล้วว่าไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง เรื่องตำแหน่งแห่งหนพอแล้ว ไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ทั้งส.ส.และหากพรรคไปเป็นรัฐบาลก็ไม่ขอรับตำแหน่ง

 เราทำงานการเมืองมานาน ก็เห็นว่าประเทศไทยมันย่ำอยู่กับที่และถอยหลังไปเรื่อยๆ อยากทำพรรคการเมืองที่สามารถรวบรวมคนดี คนเก่งแต่ละด้าน มาใช้พี่ให้เป็นฐานรากเพื่อต่อยอดตึก เพราะประเทศวิกฤตหลายด้าน คนเก่งเศรษฐกิจ คนเก่งเทคโนโลยี ต้องเข้ามารวมตัวกัน เพื่อปฏิรูปประเทศ

การเลือกตั้งที่ผ่านมา ยังใหม่มากสำหรับพรรคไทยสร้างไทย อย่างคนก็ยังสับสนคิดว่าเรายังอยู่กับพรรคเดิม(เพื่อไทย) เราก็เป็นพรรคใหม่ ไม่ได้มีทุนรอนอะไร พยายามสร้างการเมืองเพื่อประชาชนจริงๆ แบบทำให้ไม่ใช่ทำเอา ที่สำคัญคือ เราฮึด ที่อยากจะขอเชิญชวนทุกคนว่า เราเป็นเสาเข็มหรือฐานรากที่ดี ตลอดระยะเวลาที่อยู่การเมืองมาสามสิบกว่าปี ไม่เคยมีเรื่องข้อกล่าวหาคอรัปชั่น นอกจากตอนที่มีรัฐประหาร(ปี 2549)ก็โดนใส่ร้ายแต่ก็ชนะหมด ด้วยมติเอกฉันท์ในชั้นคณะกรรมการป.ป.ช.

อยากถามใจทุกคนว่าเราจะปล่อยให้ประเทศไปแบบนี้หรือ เลือกตั้งครั้งหน้า รัฐบาลก็คงไม่ได้แตกต่างจากครั้งนี้ หากสมการยังเป็นแบบนี้ อยากเชิญชวนคนที่ทนไม่ไหว และเห็นร่วมกันว่าต้องมาสร้างประเทศใหม่ ทำการเมืองใหม่ สร้างใหม่ขึ้นมา สร้างการเมืองสะอาด การเมืองสุจริตขึ้นมาเพื่อให้เราเห็นอนาคต มาใช้งบประมาณปรับโครงสร้างต่างๆ ให้ประเทศไทยเดินต่อไปได้ อยากจะ ทั้งท้าทายและเชิญชวน คนที่เห็นว่าประเทศไทย ไม่ควรอยู่แบบนี้ต่อไป

..จุดยืนของพรรคไทยสร้างไทย สิ่งที่แข็งแรงของประเทศ ที่เป็นโครงสร้างหลักของประเทศ คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เราต้องปกป้อง เชิดชู แต่ประเทศเดินมาถึงจุดนี้ เราต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง การปฎิรูปโครงสร้างทั้งหมด เช่นการศึกษา ระบบราชการ ปฏิรูปเศรษฐกิจ ปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรม แนวคิดเหล่านี้ต้องเป็นแนวคิดก้าวหน้าแต่ต้องรักษาสิ่งที่ดีที่เป็นหลักของบ้านเมือง เป็นศูนย์รวมจิตใจของบ้านเมือง ทั้งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แล้วใส่เรื่องความทันสมัย ความก้าวหน้า จึงอยากทำให้ไทยสร้างไทยเป็นเครื่องมือให้กับคนที่เก่ง มีความสามารถ มีจุดยืนแบบเดียวกันนี้ มาช่วยกันทำเพื่ออนาคตของพวกเราทุกคน

-มีการทาบทามใครหรือวางทายาทการเมือง คนในครอบครัว ลูกชายลูกสาวเข้ามาทำการเมืองหรือไม่?

การเมือง ไม่ใช่มรดกส่งต่อ ถ้าลูกคนใดอยากจะทำ เขาต้องอาสาด้วยตัวเขาเอง เพราะงานการเมืองคืองานอาสา ไม่ใช่งานถ่ายทอดทางมรดกทางสายเลือด

ตอนนี้ก็เริ่มทาบทามคน เพราะมองว่าวิกฤตครั้งนี้ ที่รัฐบาลมาดูด ทั้งใช้ทั้งกล้วย ใช้ตำแหน่งมาดูดไป(ส.ส.ไทยสร้างไทย) เราก็เข้าใจ คนเหล่านี้เขาเคยสอบตกมาก่อนตอนอยู่พรรคอื่น แต่มาสอบได้เป็นส.ส.เพราะว่ามาอยู่ไทยสร้างไทย

 เราเป็นพรรคการเมืองใหม่ เราอาจไม่ได้มีเวลาในการหล่อหลอมกันมาก ตั้งพรรคมาได้ไม่นานก็เลือกตั้ง เลยกลายเป็นว่า เราได้คนที่อาจเคยสอบตกมาหลายรอบแล้วพอได้เป็นผู้แทนผู้ทรงเกียรติ ก็จะเอาตำแหน่งหากินอย่างเดียว ก็ต้องทำใจ แต่ว่าจะดำเนินการตามกฎหมายต่อแน่ ในฐานผิดมาตรฐานจริยธรรมฯ ก็สู้แน่นอน แต่ก็ต้องขอโทษที่เราเป็นพรรคการเมืองใหม่ อาจตั้งหลักตั้งตัวไม่ทัน

แต่ก็เห็นวิกฤตในครั้งนี้เป็นโอกาสว่าเราจะมาเริ่มต้นกันใหม่ จะเป็นฐานรากที่ดีและเชิญชวนคนที่ทนไม่ไหวแล้ว ที่เห็นบ้านเมืองเป็นแบบนี้แล้วมีจุดยืนตรงกันว่า โครงสร้างใหญ่ๆต้องมีการปฏิรูป ทั้งการศึกษา เศรษฐกิจ อุตสาหกรรม รัฐราชการ เพื่อให้ประเทศเราทันยุคและทำมาหากินได้ มีศักยภาพในการแข่งขันได้ แต่สิ่งที่เป็นโครงสร้างหลักที่เป็นศูนย์รวมจิตใจที่ทำให้คนไทยอยู่ร่วมกันได้ เราต้องรักชาติ เราต้องรักสถาบันพระมหากษัตริย์ ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา

 สิ่งเหล่านี้เป็นโครงสร้างหลักที่ทำให้ประเทศไทยเรายึดโยงกันได้ เวลามีวิกฤตเราก็ยึดโยงกัน จึงต้องรักษาโครงสร้างหลักแล้วก็ไปต่อยอดพัฒนาเพื่อให้โครงสร้างหลักแข็งแรงมากขึ้น แต่มองไปข้างหน้า

หากใครที่มีจุดยืนแบบเดียวกันนี้ และทนไม่ได้แล้ว ก็ขอเชิญชวนมาร่วมกับไทยสร้างไทย พี่ไม่ยอมแพ้ และตัวเราเองไม่เอาอะไรแล้ว พี่ทำให้ ไม่ทำเอา และมีความสุขในการตั้งความหวังแม้อาจยังไม่สำเร็จ ถ้าใครเห็นด้วยก็มาช่วยกัน พี่มองวิกฤตให้เป็นโอกาส เหมือนกับมีรถดูดมาดูดสิ่งโสโครกออกจากพรรคไปหมดแล้ว จึงพร้อมจะเริ่มใหม่ด้วยความสบายใจ

-มีการพูดถึงพรรคการเมืองแบบอนุรักษ์นิยมใหม่ พรรคไทยสร้างไทย มองตรงนี้อย่างไร เพราะก็มีฐานเสียงกลุ่มดังกล่าวมากพอสมควร?

อาจเรียกว่าเป็นพรรคแบบก้าวหน้าที่ยังเห็นความสำคัญของ โครงสร้างหลักที่เป็นโครงสร้างซึ่งยึดโยง ความเป็นชาติ ความเป็นคนไทยเอาไว้ พี่ก็เป็นคนหัวก้าวหน้า ที่อยากเห็นการปฏิรูประบบราชการจริงๆ อยากเห็นการปฏิรูปการศึกษาจริงๆ พี่เป็นคนมีอายุ ที่มองถึงความก้าวหน้า มองถึงเรื่องอนาคต พร้อมที่จะปรับปรุงตัวเองตลอดเวลา แต่ขณะเดียวกัน ก็มองเห็นคุณค่าของโครงสร้างเก่า โครงสร้างดั้งเดิมของประเทศ ที่เป็นเสาค้ำยันประเทศที่้ต้องรักษา แต่ขณะเดียวกันก็ต้องนำเทคโนโลยี นำวิทยาการสมัยใหม่มาทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขัน

The post คุณหญิงสุดารัตน์-หน.ไทยสร้างไทย มองการเมืองแบบตบจูบในรัฐบาล พท.ยึดมหาดไทยคืนจากภท. appeared first on .

You may also like...