พ่อเหลิงอำนาจลูก

เตรียมรับเพิ่มไปอีกคดีครับ…

งานนี้ไม่น่ารอด “ทักษิณ ชินวัตร” ทำตัวพองมากไป คิดว่ามีกำลังภายใน สามารถหลบเลี่ยงกฎหมายได้ทุกเรื่อง

ก็ลองดู…

“…อย่าลืมผม ผมกลับมาแล้ว แล้วอย่าลืมกาเบอร์สอง หากไม่รู้ว่าเบอร์สองชื่ออะไร ชื่อทักษิณแล้วกัน กาทักษิณแล้วกัน…”

คำปราศรัยของ “ทักษิณ” เมื่อวานซืน (๑๓ พฤศจิกายน)

พรรคเพื่อไทยส่ง “ศราวุธ เพชรพนมพร” อดีต สส.หลายสมัย ลงสมัครชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุดรธานี เมืองหลวงคนเสื้อแดง

ได้เบอร์ ๒

คำปราศรัยของ “ทักษิณ” เข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๖๒ มาตรา ๖๕ (๕)

“…หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครใด…”

บทลงโทษอยู่ในมาตรา ๑๒๖

“…ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๖๕ (๓) (๔) หรือ (๕) หรือมาตรา ๖๙ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนดยี่สิบปี…”

 สำหรับตัวผู้สมัคร อาจเจอวิบากกรรม กกต.อาจวินิจฉัยให้เป็นการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตได้ 

ชูใบเหลืองให้!             

 แต่ “ทักษิณ” มีทางรอดไม่น้อยเหมือนกัน เพราะคู่แข่งคือพรรคส้ม

ด้วยความที่พรรคส้มเล่นบทพระเอกรูปหล่อมาตลอด ไม่ร้องยุบพรรค ไม่ร้องเอาผิดการเมืองอื่น ทนไม่ไหวอย่างเก่งแค่ร้องปิดปากประชาชน 

สาเหตุก็เพราะไม่ชอบใจองค์กรอิสระ ไม่ว่าจะเป็น กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. ฯลฯ

ฉะนั้นพรรคส้มอาจเลือกที่จะปล่อยผ่าน

ก็ดีครับ จะได้แยกน้ำแยกเนื้อให้เห็นกันชัดเจน

ใครเคารพกฎหมาย

ใครเคารพกฎกู

ไม่ใช่เรื่องนี้เรื่องเดียวครับที่ “ทักษิณ” แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ ควบคุม ครอบงำพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลแพทองธาร

ยังมีคำพูดอีกหลายช่วงหลายตอนที่ “ทักษิณ” ประกาศกับสาธารณะว่าเป็นผู้มีบารมีเหนือรัฐบาล

“…วันนี้เวลาที่คุณอิ๊งค์สั่งงานอะไร ผมก็รู้สึกว่า ผม ผมยาวแล้วเหรอ หน้าตาเหมือนหรือไม่ เหมือน แต่ว่าเขาสวยกว่าผม แต่ผมหล่อกว่า…”

“…ตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลก็สามัคคีกันดีอยู่ ขอให้เบาใจได้ว่าผมกลับมาแล้ว ผมอยู่ทั้งคน ทนเห็นพี่น้องลำบากไม่ได้…”

ครับ…มองหน้า “อุ๊งอิ๊ง” เห็น “ทักษิณ” ไว้ผมยาว

วันก่อนแค่ครอบครอง

วันนี้ พูดเรื่อง “สั่งงาน” กันแล้ว

จะบอกอะไร

บอกว่า “อุ๊งอิ๊ง” สั่งก็เหมือน “ทักษิณ” สั่งอย่างนั้นหรือ

ละม้ายคล้ายกัมพูชาเข้าไปทุกที

“ฮุน เซน” ริ “ฮุน มาเนต” ยำ

วันนี้ “ทักษิณ” คิดและทำเหมือนตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี

“…เรื่องเงิน ๑ หมื่นบาท ยืนยันว่าใครที่ยังไม่ได้นั้น มาแน่ มาช้าดีกว่าไม่มา เพราะอะไรที่พรรคเพื่อไทยเป็นวัฒนธรรมที่สืบทอดมาจากพรรคไทยรักไทยพูดอะไรต้องทำ

แต่วันนี้ทำลำบาก เพราะกลไกข้าราชการใหญ่เทอะทะ และออกกฎหมายเฮงซวยไว้เยอะ และตอนที่บอกว่ากฎหมายบางฉบับ เอารูปผมตั้งไว้ว่าจะแก้กฎหมายกันผมไว้ยังไงจนประเทศไปไหนไม่ได้…”

การปราศรัยที่อุดรธานีครั้งนี้ ตัวตนของ “ทักษิณ” ไม่ต้องตีความอะไรกันอีก

สั่งรัฐบาลได้ทุกอย่าง

และยังแสดงความไม่พอใจกฎหมายที่ออกมาหลังยุครัฐบาลทักษิณที่มีการคอร์รัปชันกันอย่างมโหฬาร

เรียก กฎหมายเฮงซวย!

ไม่มีกฎหมายฉบับไหนที่้เอา “ทักษิณ” เป็นตัวตั้ง

แต่เอาบทเรียนจากการคอร์รัปชันยุคทักษิณมาปิดช่องโหว่ไม่ให้นักการเมืองรุ่นหลังใช้อำนาจโกงบ้านกินเมืองได้ง่ายๆ อีก

กฎหมายเหล่านี้ไม่ใช่กฎหมายเฮงซวย แต่เป็นกฎหมายเอาไว้ปราบนักการเมืองเฮงซวย ที่จ้องแต่จะฉ้อราษฎร์ บังหลวง

และเป็นอีกครั้งที่ “ทักษิณ” ทำราวกับว่า เหตุผลที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษจากคดีคอร์รัปชันนั้น ไม่มีความหมายใดๆ เลย

พ้นโทษแล้วก็แล้วกัน

“ทักษิณ” ไม่เคยมองว่าตัวเองผิด

“…เรื่องนี้มันมีความซับซ้อนหลายอย่าง ความจริงเรื่องการเมืองตั้งแต่ผมโดนปฏิวัติ ก็ไล่ห้ำหั่นกันทางการเมือง เมื่อนายกฯ ยิ่งลักษณ์โดนปฏิวัติเหมือนกันอีก หลังจากนั้นก็ผสมโรงด้วยบุคคลต่างๆ ซึ่งวันนี้ผมจะพูดบนเวทีปราศรัยมากขึ้น เพื่อจะได้เห็นความชัดเจนขึ้น…”

การคอร์รัปชันในรัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จำนวนไม่น้อย เป็นคดีก่อนที่จะมีการรัฐประหารด้วยซ้ำ 

แต่ “ทักษิณ” พยายามโยนว่าความผิดพลาดทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนมาจากการทำรัฐประหารทั้งสิ้น

แม้กระทั่งคดี ม.๑๑๒ ที่ตัวเองตกเป็นจำเลย

“…คดี ๑๑๒ เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลให้สัตยาบันกันไว้ว่า เราจะเทิดทูนสถาบัน จะไม่แตะเรื่อง ๑๑๒ แต่ความจริงแล้ว ม.๑๑๒ ปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย ผมก็เป็นเหยื่อการบังคับใช้กฎหมาย

คนที่รับคดีครั้งแรกบอกว่าเดี๋ยวจะหาว่าไม่จงรักภักดี ก็ฟ้องไปก่อน ทั้งๆ ที่หลักฐานไม่มี

คนที่สองถ้าไม่ฟ้อง เดี๋ยวโดนอีก ก็ฟ้องๆ มา โดยที่ไม่ได้ดูความถูกต้องของพยานหลักฐาน ทำให้การจงรักภักดีลักษณะนี้ไม่ถูกต้อง

การจงรักภักดีที่ถูกต้อง คือการรักษากฎหมายที่เกิดความเป็นธรรม ดังนั้นนี่คือสิ่งที่ต้องแก้ไข แต่ก็ไม่ง่าย ต้องใช้เวลา แต่ต้องแก้แน่…”

นี่คือคำพูดของคนที่มีโทษจำคุก แต่ไม่ยอมติดคุกแม้วันเดียว

“ทักษิณ” กำลังจะบอกอะไร

จะไม่แตะ ๑๑๒ แต่ปัญหาของ ๑๑๒ อยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย

การแก้ไม่ง่าย ต้องใช้เวลา แต่ต้องแก้

หมายความว่าจะแก้ ม.๑๑๒ ใช่หรือไม่

“ทักษิณ” กำลังเหลิง และเหิมในอำนาจจากร่างทรง

 “…ก็การเมืองไง ดูสิ ผมนี่โดนหนักที่สุด ทั้งๆ ที่เป็นคนที่ถวายงานที่สุด แต่ด้วยความหมั่นไส้ เป็นเรื่องธรรมดา…”

จำคำพูดคำนี้ของ “ทักษิณ” ไว้ครับ

ระวัง! “สิ้นสุดทางเลื่อน!.

The post พ่อเหลิงอำนาจลูก appeared first on .

You may also like...