‘หมอตุลย์’ ชี้ผลสอบชั้น 14 หากทักษิณไม่ป่วยวิกฤตจริง มีผลรูปคดีไต่สวนศาลฎีกา
อดีตกรรมการแพทยสภาสองสมัย-อดีตแพทย์รพ.ตำรวจ เชื่อมั่น หมออมร-ปธ.สอบจริยธรรมแพทย์ จะไม่ทำให้สมาชิกแพทยสภา-ประชาชนผิดหวัง “หมอตุลย์” ชี้หากประชุมแพทยสภา 8 พ.ค. เลื่อนถกผลสอบชั้น 14 อีก จะส่งผลไม่ดีต่อชื่อเสียงของแพทยสภา เผยจุดตายคือ การสรุปว่า ทักษิณ เป็นผู้ป่วยขั้นวิกฤตจริงหรือไม่ เชื่อมีผลถึงรูปคดีไต่สวนศาลฎีกาฯ 13 มิ.ย.
5 พฤษภาคม 2568 – ตามที่มีการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ในวันที่ 8 พฤษภาคม มีการพิจารณาและตัดสินจริยธรรมของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ที่ให้การดูแลรักษานายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีการจับตามองกันว่า ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี กรรมการแพทยสภา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ จะนำเสนอรายงานผลการสอบสวนเข้าที่ประชุมแพทยสภาวันดังกล่าวหรือไม่ หลังใช้เวลาการพิจารณาหลายเดือนและเคยเลื่อนมาแล้วเมื่อตอนประชุมแพทยสภาเดือนที่แล้วคือ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา
พล.ต.ท นายแพทย์ อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์ อดีตกรรมการแพทยสภาสองสมัย อดีตรักษาการแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่าตัวกระผมเองมีความเชื่อมั่นในเกียรติยศและศักดิ์ศรี ของศ.นพ.อมร ลีลารัศมี ที่นอกจากเป็นกรรมการแพทยสภาแล้วยังเป็นคณะบดีคณะแพทยศาสตร์ ผมจึงมีความมั่นใจว่า ศ.นพ.อมร จะไม่ทำให้ สมาชิกแพทยสภาและประชาชนที่รอคอยการประชุมของอนุกรรมการสอบสวนชุดพิเศษ ที่มีศ.นพ.อมร เป็นประธานอนุกรรมการฯ จะไม่ทำให้สมาชิกแพทยสภาและประชาชนผิดหวังอย่างแน่นอน
ด้านนพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน ได้เคยไปยื่นหนังสือถึงแพทยสภา เพื่อติดตามผลการสอบสวนของคณะอนุกรรมการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ฯ กล่าวหลังถามว่ามีโอกาสหรือไม่ที่ผลการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ของคณะอนุกรรมการสอบสวนฯจะเข้าที่ประชุมแพทยสภาฯ วันที่ 8 พ.ค.นี้ โดยนพ.ตุลย์กล่าวว่า เท่าที่ตามเรื่องก็มีโอกาสสูงมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เคยไปยื่นเรื่องต่อแพทยสภาว่า เมื่อผลสอบเข้าที่ประชุมแพทยสภาไม่ทันเดือนที่แล้วคือ 10 เม.ย. ก็ขอว่าเดือนถัดไป (พ.ค.) เพราะอาจไม่ดีต่อชื่อเสียงของแพทยสภาเอง ซึ่งครั้งที่แล้ว(10 เมษายน) ที่เลื่อนไปเพราะมีการส่งเอกสารไปให้คณะอนุกรรมการฯ เพิ่มเติมที่ส่งช้า เหมือนกับว่ารู้ทัน พอประธานอนุกรรมการฯ ให้สัมภาษณ์ว่าการสอบสวนจะเสร็จแล้ว เอกสารก็รีบส่งมาเลย ซึ่งแม้การส่งเอกสารเพิ่มเติมดังกล่าวแม้อาจจะเลยกำหนดไปแล้วแต่หากไม่มีการรับฟัง แล้วมีการฟ้องร้องภายหลังก็อาจทำให้แพ้ทางเทคนิคได้
นพ.ตุลย์ กล่าวต่อไปว่า การสอบสวนของแพทยสภาในการสอบสวนแพทย์ที่รักษา(นายทักษิณ ชินวัตร) มีขั้นตอนคือลำดับแรกต้องได้ข้อมูลบุคคลก่อน ต้องได้ชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งจากฝ่ายกรมราชทัณฑ์ โดยเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องกับการรับคนไข้(นายทักษิณ ชินวัตร)เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ต่อเนื่องถึง 23 สิงหาคม 2566 ว่ามีขั้นตอนอย่างไร คนไข้ป่วยหนักหรือไม่ มีการส่งตัวมาจากราชทัณฑ์(เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร)ด้วยรถอะไร จนมาถึงรพ.ตำรวจ มาอย่างไร ใครเป็นคนสั่งการ
ยอมรับอย่างหนึ่งว่าที่ราชทัณฑ์ เห็นมีการให้การว่า หมอไม่ได้ตรวจ ต้องรีบส่งตัวเลย โดยอ้างว่าจะเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย จึงรีบส่งไป แต่เมื่อมาถึงรพ.ตำรวจ ซึ่งผู้อำนวยการรพ.ไม่อยู่ เพราะคงไม่มีผอ.คนไหนอยู่เวรตอนเที่ยงคืนครึ่ง ก็ต้องดูผู้อำนวยการเวร ซึ่งก็ไม่ได้ตรวจเอง ต้องส่งห้องฉุกเฉิน ซึ่งผมพูดมาตลอดว่าไม่มีใครตรวจ ฝั่งราชทัณฑ์ก็ไม่ได้ตรวจ ผอ.ตอนนั้นก็สั่งให้แอดมิทฯ เข้าห้องพิเศษเลย
ซึ่งว่ากันตามหลักการแพทย์มันก็ไม่ถูกต้อง เพราะการจะบอกว่าคนไข้วิกฤตหรือไม่วิกฤตต้องตรวจคนไข้ก่อน ถ้าไม่ตรวจเองก็ต้องให้ห้องฉุกเฉินตรวจ ไม่ใช่มาตรวจที่ห้องพิเศษ ซึ่งไปที่ห้องพิเศษก็ผิดกฎกระทรวงอีก เพราะกฎกระทรวงบอกว่า หากส่งตัวแล้ว ห้ามอยู่ห้องพิเศษแยกจากผู้ป่วยอื่น ที่ตรวจสอบอยู่ตอนนี้ หากพบว่าแพทย์ที่ตรวจนายทักษิณไม่ได้มีอาการวิกฤตจริง ขั้นตอนตามปกติก็ต้องส่งตัว กลับไปรักษาที่รพ.ราชทัณฑ์ที่ตัวนายทักษิณไม่ต้องการแน่นอน อันนี้หากไม่วิกฤต เป็นปัญหาจริยธรรม เพราะว่าไม่วิกฤตแต่ไปบอกว่าวิกฤต แพทย์คนที่ตรวจและรับรอง อันนี้ผิดจริยธรรม
“ในคำตัดสินคดีบอส อยู่วิทยา ของศาลอาญาคดีทุจริตฯ อธิบดีศาลอาญาคดีทุจริตฯ ที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินขององค์คณะผู้พิพากษาที่ตัดสินคดีดังกล่าว ท่านใช้คำว่ามีการร่วมกันทำเป็นขบวนการ ผมขอยืมคำนั้น คือถ้าทักษิณ ไม่ต้องอยู่เรือนจำได้โดยมาพักรักษาตัวที่รพ.ตำรวจ ทั้งที่ไม่ได้ป่วยจริง อันนี้ต้องทำเป็นขบวนการ”นพ.ตุลย์กล่าว
นพ.ตุลย์กล่าวต่อไปว่า เนื่องจาก เพราะมีการร่วมกันตั้งแต่ราชทัณฑ์ คนขับรถให้ไปส่งที่ไหน -คนที่สั่งให้แอดมิท ให้ไปอยู่ห้องพิเศษ ถามจริงๆว่ามีโรงพยาบาลไหนที่ยอมให้ผู้ป่วยวิกฤตอยู่ห้องพิเศษบ้าง ไม่มีครับ การไปอยู่ห้องพิเศษเลย โดยอ้างว่ามีเครื่องมือต่างๆ พยาบาลประจำวอร์ดไม่ได้มีศักยภาพพอที่จะhandle เครื่องมือพวกนี้ และจริงๆแล้วชั้น 14 ที่ถือว่าท็อปสุด คนที่มีสิทธิ์ได้ สำหรับตำรวจ คือ พล.ต.ต. พล.ต.ท. พล.ต.อ. ส่วนหากเป็นข้าราชการหน่วยงานอื่นมา ก็ต้องตำแหน่งเทียบเท่า แต่การที่ไปอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจได้
ถามว่ามีการเตี้ยมไว้หรือไม่ ล็อกห้องไว้หรือไม่ เพราะปกติห้องพิเศษเหล่านี้ ทุกห้องเข้ายาก ส่วนใหญ่ก็เต็ม เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคนหลายคน คณะกรรมการจริยธรรมของแพทยสภา ในเบื้องต้นก่อนหน้านี้จึงบอกว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่าน่าจะมีการทำผิดมาตรฐานการรักษา จึงมีการตั้งกรรมการสอบสวน ดังนั้นแพทย์ที่ผู้ป่วยไม่วิกฤตแต่กลับบอกว่าวิกฤต ใครที่ไปรับรอง ไปตรวจแล้วให้ความเห็นว่าวิกฤต ต้องถามว่าทำแบบนั้นจริงหรือไม่ และมีข้อมูลอย่างอื่นหรือไม่
“ถ้าไม่ป่วยวิกฤตจริง การประชุมแพทยสภาวันที่ 8 พ.ค. ก็จะมีปัญหากับแพทย์ที่ถูกสอบสวนอยู่และจะมีผล ไปถึงวันที่ 13 มิถุนายน (วันนัดไต่สวนของศาลฎีกาฯ) หากความปรากฏต่อศาลฎีกาว่า การเอาตัวผู้ต้องขังออกจากเรือนจำมารักษา มีข้อมูลที่เป็นเท็จ มีการกระทำผิดเป็นขบวนการ เพื่อช่วยนักโทษให้พ้นคุก การที่อยู่รพ.จึงไม่ถือเป็นการจำคุกตามคำพิพากษา ผมคงไม่ไปก้าวล่วงว่าผู้พิพากษาจะสั่งว่าอย่างไร แต่คงนึกภาพออกว่าผลสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้น”นพ.ตุลย์ระบุ
The post ‘หมอตุลย์’ ชี้ผลสอบชั้น 14 หากทักษิณไม่ป่วยวิกฤตจริง มีผลรูปคดีไต่สวนศาลฎีกา appeared first on .