‘หมอตุลย์’ วิเคราะห์มติ ‘แพทยสภา’ ฟันจริยธรรมแพทย์ 3 ราย จับตา ‘สมศักดิ์’ ต่อรองลดโทษ

‘หมอตุลย์’ เชื่อ ‘สมศักดิ์’ ไม่กล้าหักมติ ‘แพทยสภา’ คาดใช้วิธี ต่อรองลดโทษพักใบอนุญาตให้สั้นลง บอกเป็นไปได้แพทย์รพ.ตำรวจคือพวกโดนพักใบอนุญาต ลั่น!งานนี้ไม่มีใครทำให้ฟรี มีแลกเปลี่ยนสมน้ำสมเนื้อ เผยข้อบังคับฯ ล็อกไว้ส่งสำนวนสอบสวนจริยธรรมให้ศาลฎีกาฯ ไต่สวนคดีชั้น 14 ไม่ได้

9 พ.ค.2568 – นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ก่อนหน้านี้เคยออกมาเคลื่อนไหวยื่นหนังสือถึงแพทยสภาเพื่อติดตามตรวจสอบการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ที่รักษานายทักษิณ ชินวัตร กล่าวกับ”ไทยโพสต์”ถึงมติของแพทยสภาที่ลงโทษแพทย์สามคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องชั้น 14 รพ.ตำรวจ ว่า ดีใจที่คณะแพทยสภาและอนุกรรมการของแพทยสภาฯสองคณะ (คณะอนุกรรมการสอบสวนฯ และคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง) ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ต้องบอกว่าตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ตัวผมเองได้รับฟังเสียงต่างๆเช่น มีนอกมีในอะไรหรือไม่ แต่กลับกันตนได้รับคำยืนยันจากหลายคนในแพทยสภา ต่างบอกว่ารับรองยืนยัน จะรักษาชื่อเสียงของวงการแพทย์ -อาชีพแพทย์ไว้อย่างแน่นอน

“ผมรับฟังไว้และรอดู หลังก่อนหน้านี้ผมเคยไปยื่นหนังสือถึงแพทยสภา(เดือนเมษายน)เรียกร้องให้การพิจารณาเรื่องนี้ของแพทยสภาอย่าเลื่อนออกไปเรื่อย ขอเป็นเดือนถัดไป(พฤษภาคม)ซึ่งท่านก็ได้ทำตามที่เคยรับปากไว้”

เมื่อถามว่า จากคำแถลงของศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาในส่วนของแพทย์ที่ลงโทษแค่ตักเตือน อาจจะเป็นแพทย์ของรพ.ราชทัณฑ์ใช่หรือไม่ นพ.ตุลย์ กล่าวว่า พูดรวมๆ ก็คือ เมื่อเป็นการรักษาและจริยธรรม ที่เด่นชัดที่สุดก็คือ ออกใบรับรองแพทย์เป็นเท็จ หากหลักฐานบอกว่าไม่ได้ป่วยวิกฤต แต่ไปออกใบรับรองแพทย์ว่าป่วยวิกฤต อันนี้มีปัญหาแน่ ถือว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง ส่วนจะลงโทษมากน้อยเพียงใด นานเท่าใดก็คงขึ้นอยู่กับมติแพทยสภา ที่จะพบว่า ในการแถลงไม่ได้บอกว่าจะพักใบอนุญาตนานแค่ไหน เพราะต้องไปดูว่าทางสภานายกพิเศษ(สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข)จะเห็นด้วยอย่างไรหรือไม่

“ผมเชื่อว่าเมื่อสภานายกพิเศษ ได้รับมติภายในสิบห้าวัน ที่จะต้องมีคำวินิจฉัยมาว่าเห็นชอบหรือคัดค้านภายในสิบห้าวันนับจากได้รับมติแพทยสภาจากนายกแพทยสภา ท่านคงไม่ได้คัดค้านในเรื่องความผิด แต่อาจจะคัดค้านในลักษณะที่ว่า พักใบอนุญาตนานไปหรือไม่ จะพักชั่วคราวแล้วนานแค่ไหน จะสังเกตุคำแถลงของแพทยสภาว่า เนื่องจากเป็นข้อมูลข่าวสารที่เรื่องยังไม่จบกระบวนความ จึงไม่ได้มีการระบุว่าเป็นแพทย์ท่านใด อยู่หน่วยงานไหน เราก็ได้แต่เดา”

ถามย้ำว่า คิดว่าเป็นแพทย์ในส่วนใด นพ.ตุลย์ กล่าวตอบว่า ที่เคยได้ยินข้อมูลก็คือว่า พยาบาลที่รพ.ราชทัณฑ์ เคยแจ้งว่า มีผู้ต้องขังชื่อทักษิณ มีอาการเป็นแบบนี้ ๆๆๆ ก็มีการสั่งการโดยที่ว่า โอเค เอาตัวไปรักษา มีการส่งตัวไปเลย (รพ.ตำรวจ) อันนี้มันผิดมาตรฐานการรักษาเพราะว่า ถ้าไม่รักษาเบื้องต้นก่อนแล้วอยู่ๆ จับตัวขึ้นรถไปเลย อันนี้มีความเสี่ยงต่อตัวผู้ป่วย ถ้าป่วยจริง

ถามถึงกรณีมีการให้พักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการแพทย์หมอสองคน กรณีให้ข้อมูลเอกสารอันไม่ตรงกับความเป็นจริง น่าจะเป็นหมอที่ รพ.ตำรวจหรือไม่ นพ.ตุลย์ กล่าวว่า น่าจะเป็นเช่นนั้น ในกระบวนการส่งตัวจากเรือนจำมาที่รพ.ตำรวจ หากนานเกินกว่าสามสิบวัน หกสิบวัน หนึ่งร้อยยี่สิบวัน ต้องใช้รับรองแพทย์ส่งกลับไป ต้องเป็นข้อมูลยืนยันว่ายังป่วยวิกฤตอยู่ แต่บังเอิญว่าข้อมูลที่แพทยสภาได้รับ อนุกรรมการสอบสวนฯ ได้รับ มีการพิจารณาดูแล้ว พบว่าไม่มีหลักฐานยืนยันว่าป่วยวิกฤต เพราะหากป่วยวิกฤต ต้องมีข้อมูลทางการแพทย์มากมายที่จะบอกว่า ใครอ่านเสร็จไม่ต้องดูชื่อข้างบน (ชื่อผู้ป่วย) แต่ดูอาการ ดูผลลัพธ์ ทุกคนบอกโอเค อย่างนี้เรียกว่าวิกฤต ซึ่งในการวินิจฉัยไม่แน่ใจว่าได้ส่งไปถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ หรือไม่ หรือ ถามความเห็นจากราชวิทยาลัยที่เกี่ยวข้อง ที่ก็มีหลายราชวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยวิกฤต ถ้าเขาส่งไปโดยบอกว่าข้อมูลเป็นแบบนี้ โดยถามว่าวิกฤตหรือไม่ รักษาได้ถูกต้องหรือไม่ หลังสามสิบวันผ่านไป หกสิบวันผ่านไป หากออกมาว่าไม่เข้าข่ายวิกฤต ทางแพทย์ที่ไปรับรองว่าวิกฤต ก็ถือว่าผิดมาตรฐานหรือเขียนใบรับรองที่เป็นเท็จ

“กระบวนการทางแพทยสภาน่าจะจบสิ้นแล้ว แต่ถามว่าทำไมเหลือแค่นี้ ก็คงดูที่หลักฐานทางการแพทย์ ใบรับรองแพทย์ แต่หากเป็นอำนาจทางการบริหาร ที่เป็นการทุจริต ไม่ถูกต้องไม่ตรงไปตรงมาหรือมีการละเว้น คราวนี้ก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการป.ป.ช. ในเรื่องประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 157″นพ.ตุลย์ กล่าว

อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ผู้นี้กล่าวต่อว่า สำหรับแพทย์ที่ถูกลงโทษที่เป็นแพทย์ด้านออร์โธปิดิกส์ก็คือแพทย์ด้านกระดูกและข้อซึ่งการป่วยด้านกระดูกและข้อที่จะถึงขั้นวิกฤต ตนนึกออกอยู่อันเดียว คือกรณี กระดูกคือเสื่อมและกด จนหยุดหายใจไปเลย กดตรงไขสันหลังที่ระดับคอ แบบนี้คือวิกฤตจริง ซึ่งเขา(ทักษิณ)ก็ใส่ปลอกคอมาตอนออกจากรพ.ตำรวจมา แต่ใส่แล้วเดินคล่องแบบช่วงนั้น มันไม่วิกฤต ซึ่งตอนนี้คงนึกรูปนึกชื่อออกได้ว่าเป็นหมอคนไหน แต่ขอไม่เอ่ยชื่อเพราะจะโดนฟ้อง

ส่วนที่ศ.นพ.ประสิทธิ์ แถลงว่ามติแพทยสภาที่ให้ลงโทษแพทย์สามคนเป็นเสียงส่วนใหญ่มากๆๆๆ ก็คาดว่าคงอย่างน้อย 50 คนจากกรรมการ 70 คน ซึ่งสมมุติว่าสภานายกพิเศษ(สมศักดิ์ รมว.สาธารณสุข)มีความเห็นคัดค้านมติแพทยสภามา แล้วส่งกลับมา หากแพทยสภาจะไม่เห็นด้วย ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของกรรมการแพทยสภาทั้งหมดที่มีอยู่ ไม่ใช่ 2 ใน 3 ของคนที่เข้าประชุม หากอยากคัดค้านความเห็นสภานายกพิเศษ ก็ต้องระดมคนมา

“แต่ผมว่าอย่างหากจากพักใบอนุญาต12 เดือนแล้วขอว่าให้เหลือพักใบอนุญาตแค่ 6 เดือนแล้วกัน ผมว่าคงไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะประเด็นหลักที่เราใจจดใจจ่อ รอมาเป็นเดือน รอกันแบบนับชั่วโมง จนถึงวินาทีที่อุปนายกแพทยสภามาแถลง กลับไม่ใช่เรื่องของแพทย์ถูกลงโทษ แต่เป็นเรื่องของข้อมูลว่า สรุปแล้ว ทักษิณ ป่วยขั้นวิกฤตจริงหรือไม่ นี้คือประเด็นที่ผมเชื่อว่าสังคม รวมถึงแม้แต่องค์คณะผู้พิพากษาของศาลฎีกาฯ ซึ่งความคงปรากฏชัดต่อผู้พิพากษาแล้วว่าตกลงวิกฤตจริงหรือไม่ เพราะหากใครจำได้ ผู้ใกล้ชิดทักษิณพยายามที่จะบอกว่า ทักษิณเคยถูกบังคับคดีไปเรียบร้อยแล้ว แต่หากการส่งตัวจากราชทัณฑ์ไปรพ.ตำรวจ โดยอ้างว่าป่วย แต่ว่าไม่ได้ป่วยวิกฤตจริง ก็ถือว่าเป็นโมฆะ เมื่อเป็นโมฆะการบังคับคดี ก็เท่ากับยังไม่เกิดขึ้น ทำให้คนที่เดือดร้อนจะไม่ใช่แพทย์ ผมอยากบอกว่า 8 พ.ค. แผ่นดินไหวสะเทือนไปถึงแถวจรัญสนิทวงศ์

ต่อข้อถามที่ว่า หากจะมีคนมองว่า เรื่องนี้หากผิด ก็ผิดที่แพทย์ ไม่เกี่ยวกับนายทักษิณ นพ.ตุลย์ให้ความเห็นว่า แพทย์ที่เขาทำ อยู่ๆ เขาจะทำ แล้วทำให้คอขึ้นเขียง ขาเข้าคุก ใบอนุญาตปลิว เขาจะทำไปทำไม มันต้องมีอะไรแน่ๆ ก็ต้องไปสอบสวนกันต่อ อยู่ๆ แต่ละคนจะเอาศักดิ์ศรีชื่อเสียงที่มีตลอดชีวิตเขาไปแลก มันก็ต้องมีของแลกที่สมน้ำสมเนื้อ ไม่อย่างนั้นใครจะไปกล้าทำ มันไม่มีอยู่ๆ จะทำฟรี

ถามต่อว่ามติแพทยสภา จะเป็นใบเสร็จที่ป.ป.ช.จะนำไปใช้ รวมถึงศาลฎีกาฯ ก็คงรับทราบ หมอตุลย์ กล่าวว่า ทั้งป.ป.ช.และศาลฎีกาฯ คือหน่วยงานลำดับถัดไปที่ต้องเอาข้อเท็จจริง ข้อมูลข่าวสาร ตนก็ไม่เข้าใจว่าที่ทางศาลฎีกาฯเปิดไต่สวน ศาลจะเรียกข้อสรุป มติ และเอกสารจากที่ใดบ้าง แต่ถ้าเป็นเอกสาร จะเรียกจากแพทยสภาไม่ได้ จะต้องเรียกเอกสารชั้นต้น จากกรมราชทัณฑ์ เรือนจำฯ และรพ.ตำรวจตรงเอง เพราะแพทยสภาไม่มีสิทธิ์ไม่มีอำนาจที่จะไปเปิดเผย เพราะให้ใช้ได้ในกระบวนการเท่านั้น (การสอบสวนจริยธรรม) โปรดสังเกตุ เราเปิดเผยได้แต่ผลการสอบสวน แต่รายละเอียดวิธีการบอกไม่ได้เลย แม้แต่ทักษิณป่วยเป็นโรคอะไร ก็บอกไม่ได้ แค่สรุปได้ว่า ไม่ได้ป่วยวิกฤตแต่ใบรับรองแพทย์ไปบอกว่าป่วยวิกฤต จึงมีความผิดและมีการลงโทษ บอกรายละเอียดไม่ได้ คิดว่าศาลฎีกาฯคงต้องเรียกหลักฐานชั้นต้น คราวนี้ 300หน้าคงเป็น3000 หน้า เพราะอย่างรักษาตัว 180 วัน วันละ 10 หน้า ก็ 1800 หน้าแล้ว

ถามปิดท้ายว่า เรื่องที่เกิดขึ้น แพทย์สามคนที่ถูกลงโทษกับนายทักษิณ ใครวิกฤตกว่ากันตอนนี้ นพ.ตุลย์ กล่าวว่า วิกฤตวันนี้ ยังไม่เท่ากับวิกฤตวันหน้า ที่หนักหนาสาหัสกว่า แต่ไม่แน่ โทษของทักษิณที่คาอยู่ที่เป็นประเด็นไต่สวนยังแค่ 1 ปี แต่ความผิด 157 อาจเกิน 1 ปี สำหรับแพทย์บางคนที่หลุดวันนี้ แต่ยังมีเรื่องอยู่ที่สำนักงานป.ป.ช. ยังมีผู้บริหารที่ใช้อำนาจไม่ถูกต้อง ก็ยังมี 157 เพียงแต่ยังไม่เข้าข่ายจริยธรรมของแพทยสภา เพราะไม่ใช่คนออกใบรับรองแพทย์ แต่หากมีการใช้จ้างวานหรือ มีการใช้อำนาจไปสั่งการอะไร ก็จะไปอยู่ที่ป.ป.ช. อันนี้อาจจะมีโทษเกิน 1 ปี

The post ‘หมอตุลย์’ วิเคราะห์มติ ‘แพทยสภา’ ฟันจริยธรรมแพทย์ 3 ราย จับตา ‘สมศักดิ์’ ต่อรองลดโทษ appeared first on .

You may also like...

1 Response

  1. Super-Duper blog! I am loving it!! Will be back later to read some more. I am bookmarking your feeds also

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *