กระทรวงเกษตรฯ ประกาศยกระดับ ’หม่อนไหม‘ ผลักดันเป็น Soft Power
1 ธ.ค.2567 – ที่จังหวัดเชียงใหม่(วานนี้) นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานขับเคลื่อนนโยบาย “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” และการยกระดับสินค้าและบริการมูลค่าสูง ของกรมหม่อนไหม โดยกรมหม่อนไหม เป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นโดยพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ดำเนินงานสนองพระราชดำริบริหารจัดการด้านหม่อนไหมแบบครบวงจร มีศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติ 25 ศูนย์ โดยศูนย์ฯเชียงใหม่ มีภารกิจอนุรักษ์ วิจัยและพัฒนา ผลิตพันธุ์หม่อนและไข่ไหมพันธุ์ดี เพื่อให้บริการ รวมทั้งส่งเสริมและดูแลเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน สำหรับเชียงใหม่ มีเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม รวมทั้งสิ้น 97 ราย พื้นที่ปลูกหม่อน 205 ไร่
ทั้งนี้จากการลงพื้นที่พบว่า เกษตรกรยังเข้าสู่อาชีพหม่อนไหมค่อนข้างน้อย และต้นทุนการผลิตในปีแรกค่อนข้างสูง อีกทั้งปัจจุบันผู้ประกอบการมีความต้องการรับซื้อผลผลิตรังไหมจากเกษตรกร 5,000 ตันต่อปี แต่เกษตรกรผลิตรังไหมได้เพียง 2,000 ตันต่อปี ยังเป็นการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
ทำให้ต้องเร่งแก้ปัญหาและสร้างแรงจูงใจให้กับเกษตรกร ได้เข้าสู่อาชีพหม่อนไหมเพิ่มมากขึ้น ผ่านการขับเคลื่อนบูรณาการร่วมกัน ระหว่างภาคประชาชน ภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ ความร่วมมืองานวิจัยพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ไหม เพื่อให้ได้ไหมพันธุ์ใหม่ที่มีความเหมาะสม การนำนวัตกรรม เทคโนโลยี มาใช้ในการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เพื่อเพิ่มผลผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า การถ่ายทอดองค์ความรู้และวางแผนการผลิตร่วมกัน ระหว่างเกษตรกรผู้ผลิตและผู้รับซื้อเพื่อให้ได้ปริมาณผลผลิตและคุณภาพตามมาตรฐานที่ตลาดต้องการ
จากการดำเนินงานของศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯเชียงใหม่ที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรสามารถผลิตรังไหมได้จำนวน 1.2 ตันต่อปี สร้างรายได้ 225,264 บาทต่อปี ปริมาณการผลิตใบหม่อนจำหน่ายจำนวน 10 ตันต่อปี รายได้ 102,576 บาทต่อปี และยังคงเดินหน้าขยายผลไปสู่เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนเพิ่มขึ้น
ผลการดำเนินงานที่ผ่านนับว่าประสบความสำเร็จ ในการแปรรูปสินค้าผลิตภัณฑ์จากไหมที่ได้มาจากกลุ่มเกษตรกร และผลิตภัณฑ์โปรตีนจากรังไหมที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า โดยเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตสมัยใหม่ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้มาตรฐานและมีชื่อเสียง รวมถึงการนำโมเดล BCG มาใช้ในการผลิตทำให้เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ส่งผลให้กลุ่มเกษตรกรมีความเข้มแข็ง ผลิตและแปรรูปสินค้าทางการเกษตรที่สร้างมูลค่าเพิ่มได้” รมว.นฤมล กล่าว
ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ มีผู้บริหารกระทรวง พร้อมข้าราชการการเมืองร่วมคณะ อาทิ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นายเอกรัฐ พลซื่อ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฯลฯ ซึ่งจะร่วมกันเดินหน้าขับเคลื่อนยกระดับหม่อนไหม ผลักดันเป็น Soft Power อย่างยั่งยืน