‘ค่าย มิซุอิกุ ‘ผลลัพธ์เกินคาดหมาย สอนเด็ก-ชุมชน รู้ลึกเข้าใจพิทักษ์น้ำ

ไม่ว่าเราจะให้คำจำกัดความ ความแปรปรวนและเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติแบบถี่ๆ และรุนแรงขึ้นบนโลกใบนี้ว่า เป็นยุคโลกเดือด ยุคโลกรวน   หรือภาษาแบบทางการก็คือ เป็นยุคของโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแบบสุดขั้ว ซึ่งปัจจัยหลักของปัญหาความไม่เสถียรของโลก  ล้วนมาจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่บันยะบันยัง การปล่อยมลพิษอย่างหลายรูปแบบของมนุษย์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อโลกอย่างรอบด้าน ทั้งในแง่ทรัพยากรธรรมชาติที่ร่อยหรอลงไปอย่างรวดเร็ว การละลายชองน้ำแข็งขั้วโลก ซึ่งก่อให้การเปลี่ยนแปลงภาพภูมิอากาศอย่างทุกวันนี้  การสื่อมสภาพของดิน

ที่สำคัญทรัพยากรน้ำอาจจะเกิดการขาดแคลนและมีปัญหาในอนาคต  ซึ่ง”น้ำ” ถือว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญและจำเป็นต่อชีวิตมนุษย์ ดังคำกล่าวที่ว่า “น้ำคือชีวิต “เป็นสิ่งไม่เกินความจริงแต่อย่างใด  ดังเห็นได้จากร่างกายของเราประกอบด้วยน้ำถึง 70% ถ้าเราขาดน้ำเพียงแค่1-2 วันก็อาจถึงแก่ชีวิตได้ แต่ถ้าเราขาดอาหารอาจจะมีชีวิตอยู่รอดได้เป็นอาทิตย์ๆ ด้วยเหตุนี้ การปลูกฝังให้คนรุ่นปัจจุบันและอนาคต เห็นความสำคัญของน้ำ จึงเป็นการปลูกฝังสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่่ง

โครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ:เรารักษ์น้ำ”  (Mizuiku Water Hero Camp: Year 2) ที่ดำเนินการโดย  บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์สินค้าของซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ร่วมกับ ฟู้ดบริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์  ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด  ผู้ผลิตอาหารเสริมสุขภาพภายใต้ตราผลิตภัณฑ์แบรนด์ในประเทศไทยและอินโดไชน่า  หรือเป็นการผนวกของบริษัทใหญ่ในเครือซันโทรี่ เพื่อจัดกิจกรรม  หรือเรียกว่าเป็นโครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ:เรารักษ์น้ำ” ประจำปี 2568 (One Suntory Mizuiku Program 2025)  โดยเมื่อ 5ปีก่อน  ทั้ง ซันโทรี่ เป็ปซี่โค เบเวอเรจ และ บริษัท เบเวอเรจ แอนด์  ฟู้ด (ประเทศไทย) ได้แยกกันทำกิจกรรม มิชุ อิกุ  เพิ่งมีการรวมตัวกันจัดกิจกรรมเป็นปีแรกเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา  ซึ่งทำให้ตัวกิจกรรมมีพลังมากขึ้น ทัั้งในแง่จำนวนเยาวชนอายุ 10-12ปี ที่ร่วมกิจกรรมเพิ่มเป็น 30 โรงเรียน  กินพื้นที่ 2จังหวัดได้แก่ระยอง และชลบุรี รวมครูและเด็กกว่า  500 คน  ที่เข้าค่าย

นายโอเมอร์ มาลิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประเทศไทยและอินโดไชน่า บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ด้านทรัพยากรน้ำในประเทศไทยทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม และมลพิษทางน้ำ จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่พวกเราทุกคนต้องลุกขึ้นมาปกป้อง ‘น้ำ’ ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญต่อทุกชีวิตบนโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในอนาคต ด้วยแนวคิดนี้ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัดพร้อมการสนับสนุนจาก บริษัท ซันโทรี่ โฮลดิ้งส์ จำกัด จึงได้ร่วมมือกันจัดทำโครงการ ‘วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ’ เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกและมอบองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำให้แก่เยาวชน  โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา โครงการฯ ของเราได้ส่งมอบองค์ความรู้ให้แก่เยาวชน 8,115 คน และคุณครู 270 คน จาก 30 โรงเรียนในจังหวัดชลบุรีและระยอง อีกทั้งสนับสนุนให้เยาวชนนำความรู้ไปบูรณาการโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในมิติต่าง ๆ ของโรงเรียนเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน  

นายโอเมอร์ มาลิค (ซ้าย)และนายทานุจ ชาดา(ขวา)

ส่วนนายทานุจ ชาดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กลุ่มบริษัท     ซันโทรี่ มุ่งมั่นนำค่านิยมองค์กร ‘การเติบโตอย่างยั่งยืน’ (Growing for Good) และ ‘การตอบแทนกลับคืนสู่สังคม’ (Giving Back to Society) มาปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมผ่านการดำเนินโครงการ ‘วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ’ ซึ่งจากความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ทำให้เราเดินหน้าสานต่อโครงการฯ ชักชวนเหล่าแกนนำเยาวชนคนรุ่นใหม่ รวมถึงคุณครู จำนวนทั้งสิ้นกว่า 500 คน จากจังหวัดชลบุรีและระยอง ร่วมเรียนรู้ผ่านการลงมือทำภายใต้ห้องเรียนธรรมชาติ ใน ‘ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ’ รุ่น 2 ก่อนนำความรู้ที่ได้รับกลับไปจัดทำแผนงานและดำเนินโครงการอนุรักษ์น้ำในโรงเรียน พร้อมจัดตั้ง ‘มิซุอิกุ คลับ’   เพื่อขับเคลื่อนและขยายผลโครงการ

” โดยแกนนำนักเรียนจากโรงเรียนที่ชนะการประกวด ‘โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ’ ในแต่ละจังหวัดจะได้เดินทางไปทัศนศึกษาเพื่อเรียนรู้ต้นกำเนิดของโครงการ ‘มิซุอิกุ’ ณ ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่สร้างแรงบันดาลใจและจุดประกายให้ทุกคนกลายเป็น ‘ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ’ รวมถึงนำองค์ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปเผยแพร่ให้กับเพื่อน ๆ ในโรงเรียน ครอบครัว และชุมชนต่อไป”นายทานุจกล่าว

หัวใจหลักของกิจกรรม คือการเรียนรู้เรื่องน้ำ ถ้าดูความหมาย “มิชุ “แปลว่าน้ำ ส่วน”อิกุ” แปลว่าการเรียนรู้ ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำ ผ่านแนวคิด “ไม่มีน้ำ ไม่มีเรา” โดยร่วมมือกับศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (Environmental Education Centre หรือ EEC) และภาคีหน่วยงานภาครัฐ  ซึ่งกิจกรรมนี้ เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของซันโทรี่ฯ บริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งริเริ่มโครงการมิซุอิกุมาเป็นเวลานาน และขยายผลออกไปใน 9ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น 1. ญี่ปุ่น 2. เวียดนาม 3. ไทย 4. ฝรั่งเศส 5. จีน 6. สเปน 7. อังกฤษ 8. นิวซีแลนด์  9. ออสเตรเลีย พร้อมตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องมีเยาวชนเข้าโครงการ ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน  ภายในปี 2030

เงื่อนไขของกิจกรรมที่สำคัญก็คือ เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการจะต้องมีอายุในช่วง 10-11ปี เพราะจากการศึกษาพบว่า เป็นช่วงวัยที่ง่ายต่อการปลูกฝัง เพราะไม่เล็กและไม่โตเกินไปในการซึมซั้บสิ่งที่เรียนรู้  และสิ่งที่เรียนรู้จะติดตัวไปจนถึงวัยผู้ใหญ่  มาเรียนรู้เรื่องการอนุรักษ์น้ำ เห็นคุณค่าของน้ำ และที่ไกลไปกว่านั้น อาจรวมไปถึงการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับน้ำอีกด้วย

จากการดำเนินโครงการ มิชุอิกุ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทางซันโทรี่ ประเทศไทย มีความพึงพอใจผลลัพธ์ที่ได้ โดยเยาวชนที่จะเข้าร่วมค่ายรักษ์น้ำแห่งนี้ จะผ่านการคัดเลือกจากโรงเรียน และระหว่างเข้าร่วมโครงการ เด็กๆ ทุกคนจะต้องทำแบบทดสอบความรู้เรื่องเกี่ยวกับน้ำ และสิ่งแวดล้อม หรือที่เรียกว่า Pre TEST คะแนนที่ได้จะนำมาเปรียบเทียบกับการทำแบบสอบถามหลังจบกิจกรรมอีกครั้ง หรือที่เรียกว่า Post Test   ซึ่งพบว่าค่าเฉลี่ยของเด็กที่ทำ Post Test  เพิ่มขึ้นจากทำ Pre TEST  ประมาณ 6%

การให้เด็กเข้าร่วมกิจกรรม ทำ Pre TEST และ Post Test  สะท้อนถึงคุณภาพของโครงการ ที่คาดหวังผลลัพธ์ อย่างจริงจัง  ดังจะเห็นได้จากคำถาม Pre Test นั้นถือว่าไม่ง่ายสำหรับเด็กระดับประถมฯ เพราะมีระดับความเข้มข้นและความยากในคำถาม เช่น  ข้อ 6 ถามว่า ถ้าเส้นทางน้ำคือ ป่าบนภูเขา (A) – ฟื้นที่เกษตร (B) → เมือง (C) – ทะเล (D) หากที่จุด C มีการสร้างถนุนและอาคารจำนวนมาก ทำให้เหลือแหล่งน้ำตามธรรมชาติน้อย จะเกิดผลกระทบใด ?
1. เกิดน้ำท่วมขังในเมือง
2. น้ำไหลลงสู่ปลายน้ำได้ช้า
3. เกิดการแพร่ระบาดของโรคจากน้ำท่วมขังในเมือง
4. ถูกทุกข้อ

คำถามดังกล่าว ไม่ได้มีการสอนในห้องเรียนอย่างแน่นอน และเด็กที่ตอบคำถามได้ถูกต้อง จะต้องเป็นคนที่มีความรู้เรื่องน้ำ เรื่องสิ่งแวดล้อม และมีความรู้รอบตัวพอสมควร ดังนั้น ผลหลังการเข้าโครงการที่ความรู้เรื่องน้ำของเด็กเพิ่มขึ้น 6% จึงเป็นตัวเลขที่มีคุณภาพอย่างยิ่ง

ในแง่เนื้อหาที่เด็กเรียน  ซึ่งยึดหลัก Edutainment หรือการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนมีความสนุกสนานไปกับการเรียน ไม่ใช่การยัดเยียดความรู้ แต่เป็นการเรียนรู้ที่กระตุ้นให้เด็กอยากเรียนรู้มากยิ่งขึ้น ภายใต้ห้องเรียนธรรมชาติ ของจังหวัดชลบุรี โดยครอบคลุมแหล่งน้ำตั้งแต่ ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ และทะเล ได้แก่การเรียนรู้บทบาทและความสำคัญของป่าต้นน้ำในฐานะพื้นที่กักเก็บน้ำ และประโยชน์ของการชะลอนํ้าเพื่อให้มีนํ้าใช้เพียงพอตลอดปี รวมถึงศึกษาหลักการตรวจวัดคุณภาพน้ำเบื้องต้น และเข้าใจลักษณะการพัดพาตะกอนจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ การสำรวจระบบนิเวศพื้นที่กลางน้ำ เช่น อ่างเก็บน้ำ และพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่มีความสำคัญต่อความหลากหลายทางธรรมชาติ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสิ่งมีชีวิตและมนุษย์หากไม่มีพื้นที่กลางน้ำ ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาเขียว

การศึกษาระบบนิเวศของป่าชายเลนซึ่งเป็นพื้นที่ปลายน้ำที่ทำหน้าที่ดักจับสิ่งปนเปื้อนที่มากับน้ำด้วยพรรณพืชและสัตว์ต่าง ๆ โดยเยาวชนจะได้เรียนรู้ถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างชุมชนและป่าชายเลน พร้อมทั้งเข้าใจความเชื่อมโยงของคุณภาพน้ำ ตั้งแต่แหล่งต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

การเน้นย้ำให้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญของทะเลซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของสายน้ำโดยเยาวชนจะได้เรียนรู้ว่าทุกพฤติกรรมที่เกิดขึ้นบนโลกล้วนส่งผลต่อระบบนิเวศทางทะเล ทั้งในแง่ของความอุดมสมบูรณ์และความเปราะบางของสิ่งมีชีวิตในทะเล กิจกรรมจึงออกแบบมาให้เยาวชนเห็นถึงความเชื่อมโยงของสายน้ำทั้งระบบพร้อมปลูกจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทะเลในฐานะทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า

แม้ว่าปลายทางของโครงการ คือ จะต้องมี 2โรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือก ไปเป็นตัวแทนประเทศไทยไปเข้าค่ายมิชุ อิกุ ที่ประเทศญี่ปุ่น แต่โรงเรียนอื่นๆที่แม้ไม่ได้รับคัดเลือกให้ชนะเลิศ  แต่ก็ใช่ว่าการเข้าโครงการจะไม่ได้อะไร ในรอบปีที่ผ่านมา มี 90 โรงเรียน ได้ตั้ง มิซุอิกุ คลับ (Misuiku Club  ) ขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความลึกซึั้ง ในการเห็นประโยชน์และความดีงามของโครงการ

“หลายโรงเรียนที่ร่วมโครงการ กลายเป็นแหล่งดูงาน  กลายเป็น Model School เรื่องการอนุรักษ์น้ำ และสิ่งแวดล้อม  เพราะเราเองซึ่งมีกรรมการเชี่ยวชาญ เป็นผู้คัดเลือกให้คะแนน เพราะเราไม่ได้มองแค่ตัวเด็ก แต่มองภาพรวมทั้งโรงเรียน ทั้งคุณครู ภารโรง อาจรวมถึงผู้ปกครองด้วย ว่าต้องมีส่วนร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับโครงการหรือไม่ ที่สำคัญ การตั้ง มิซุ คลับ เป็นผลลัพธ์ที่ถือว่าเป็นxระสบการณ์ตรงจากการได้เข้าร่วมโครงการ  เพราะจะมีการทำโปรเจ็กเรื่องน้ำในโรงเรียนและมีชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วยกัน ซึ่งโจทย์ของเรา อาจจะไม่ได้มองว่าเป็นแค่การพิทักษ์น้ำเท่านั้น แต่อาจจะเป็นการแก้ปัญหาเรื่องน้ำมลพิษทางน้ำ การมองปัญหาในสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว ของเด็กและชุมชน ซึ่งอาจจะมีการหาทางแก้ปัญหาร่วมกันในอนาคต  เรามองว่านี่คือจุดที่เป็นความสำเร็จของโครงการ เพราะโครงการสามารถทำ เกิด Community รักษ์น้ำได้ “นายโอเมอร์ มาลิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประเทศไทยและอินโดไชน่า บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด กล่าว

ด้านอเล็กซ์ซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารศูนย์การศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ค่ายรักษ์น้ำ มิชุอิกุ นี้ จะทำให้น้องๆที่เข้าค่ายเข้าใจปัญหาและโครงสร้างเรื่องน้ำได้ดียิ่งขึ้น แต่ก่อนเด็กๆ อาจจะรู้ปัญหาเรื่องน้ำ แต่ยังจับใจความที่เป็นโครงสร้างทั้งระบบไม่ได้  แต่ถ้าเด็กเข้าใจอย่างเป็นระบบ หรือมีMapping ในหัวของเขา ก็จะสามารถแชร์ถ่ายทอดไปสู่พ่อแม่ ครอบครัวและชุมชนได้ นับเป็นการแสดงพลังของเด็ก จากที่เขาทำกิจกรรมในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ไปสู่ชุมชนได้

หลังจากโรงเรียนต่างๆทำโปรเจ็กของตนเองแล้ว ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม จะมีการประกาศผลโรงเรียนที่จะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปเข้าค่าย มิชุอิกุ ที่ประเทศญี่ปุ่น  ซึ่งกระบวนการคัดเลือกเป็นไปอย่างเข้มข้น เพราะไม่ได้มีแต่เพียงซันโทรี่ฯเท่านั้น แต่ยังมีหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กรมทรัพยากรน้ำ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่ปรึกษาโครงการและร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินผลงานการประกวดโครงการอนุรักษ์น้ำในโรงเรียนของนักเรียน อีกทั้ง ยังมีนักวิชาการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สิตางศุ์ พิลัยหล้า ผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร ผู้สร้างแรงบันดาลใจและให้คำแนะนำการจัดทำโครงการอนุรักษ์น้ำในโรงเรียน

“กิจกรรมเหล่านี้จะช่วยวางรากฐาน เพื่อนำองค์ความรู้และทักษะที่ได้รับมาปรับใช้ ส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และขยายผลด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมไปสู่บุคลากรในโรงเรียนและชุมชนโดยรอบต่อไป”นายทานุจ ชาดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวสรุป.

The post ‘ค่าย มิซุอิกุ ‘ผลลัพธ์เกินคาดหมาย สอนเด็ก-ชุมชน รู้ลึกเข้าใจพิทักษ์น้ำ appeared first on .

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *