งานเข้า ‘บอสแม้ว’

ใกล้เข้าไปอีกนิด…

เป็นความคืบหน้าจากทาง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในคดี “ทักษิณ ชินวัตร” ครอบงำพรรคการเมือง

งานนี้อาจมีตายหมู่ครับ

จากรายงานข่าวบอกว่าวันก่อนโน้น “แสวง บุญมี” เลขาธิการ กกต.​ ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้พิจารณา ๖ คำร้องที่มีผู้ร้องขอให้ กกต.พิจารณาสั่งยุบพรรคเพื่อไทย และ ๖ พรรคร่วมรัฐบาลเดิม

เหตุคือ “ทักษิณ”  ซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการครอบงำ ชี้นำ และ ๖ พรรคการเมืองยินยอมให้ “ทักษิณ” ครอบงำ ชี้นำ

พิจารณาคำร้องเสร็จแล้ว นายทะเบียนพรรคการเมือง ลงความเห็นว่า…คำร้องมีมูล

จึงตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อดำเนินการสอบสวนและมีความเห็นเสนอ โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน แต่สามารถขอขยายได้อีกครั้งละไม่เกิน ๒๐ วัน จนกว่าจะแล้วเสร็จ

“ทักษิณ” ถูกจองกฐินเยอะครับ ฉะนั้นกรณีนี้จึงมีอยู่หลายคำร้อง

มีบุคคลนิรนาม

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ

นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว ๒๐๐๖

คำร้องทั้งหมดอ้างพฤติการณ์ไปในทิศทางเดียวกันคือ “ทักษิณ” และแกนนำ ๖ พรรคร่วมรัฐบาล ไปร่วมประชุมกันที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อพิจารณาเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี

เหตุเกิดวันเดียวกันกับวันที่ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรี ของ “เศรษฐา ทวีสิน” สิ้นสุดลง

นอกจากนี้ยังระบุพฤติการณ์ของ “ทักษิณ” ในหลายครั้งหลายโอกาส เช่นชี้นำเกี่ยวกับการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล

ชี้นำพรรคเพื่อไทยในการเลือกพรรคร่วมรัฐบาล

การนำวิสัยทัศน์ที่ “ทักษิณ” แสดงไว้เมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม มาเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาล

ผู้ร้องเห็นว่าเข้าข่ายขัดมาตรา ๒๙ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ที่ห้ามมิให้ผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการใดอันเป็นการควบคุมครอบงำหรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม

รวมทั้งการที่พรรคเพื่อไทย และ ๖ พรรคร่วมรัฐบาล ยินยอมให้บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการอันเป็นการควบคุมครอบงำชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เข้าข่ายขัดมาตรา ๒๘

ขอให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคตามมาตรา ๙๒ (๓)

ครับ…นี่คือความคืบหน้า หลังจากถูกมองว่าการยื่นร้อง “ทักษิณ” ครอบงำพรรคการเมืองเป็นเรื่องตลกขบขัน หาความจริงไม่ได้

วันนี้กระบวนการตรวจสอบเดินไปตามครรลองแล้ว

พฤติการณ์ที่ผ่านมาของ “บอสแม้ว” เต็มไปด้วยร่องรอยการครอบงำพรรคการเมือง จนยากที่จะปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ

กับพรรคเพื่อไทย ไม่ทราบว่าจะมีคนไทยสักกี่คนที่เชื่อว่า “ทักษิณ” ไม่ใช่เจ้าของพรรค

แทบทุกองคาพยพของพรรคเพื่อไทยล้วนอยู่ในมือของตระกูลชินวัตร

ตัวอย่างชัดๆ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ก็อยู่ในตึกของตระกูลชินวัตร

หากเป็นการเมืองที่โปร่งใสจริงๆ นี่คือเรื่องต้องห้าม 

แต่…การเมืองไทยเฉยๆ กับเรื่องพวกนี้

คล้ายกับกรณีพรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล ใช้ตึกของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจเป็นที่ทำการพรรค ปัจจุบันชื่อพรรคประชาชนย้ายไปตึกอนาคตใหม่ ก็ยังเป็นของคนเดิม

การจะหาหลักฐานว่า “ทักษิณ” ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย น่าจะยากกว่าหลักฐาน “ทักษิณ” ครอบงำพรรคเพื่อไทย

งานนี้จึงไม่ยากนักสำหรับ กกต.

ส่วนกรณีครอบงำ ๖ พรรคร่วมรัฐบาล จากการหารือกันที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่หากยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดีถอดถอนนายกฯ เศรษฐา ขึ้นมาเปรียบเทียบแล้ว บางคนอาจจับไข้ หนาวสั่น

เพราะในคำวินิจฉัยได้ระบุถึง “ทักษิณ” เอาไว้เช่นกัน

“…ข้อที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า ผู้ถูกร้องที่ ๑ มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันเป็นลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ  มาตรา ๑๖๐ (๕) โดยกล่าวหาว่า ผู้ถูกร้องที่ ๑ เข้าพบ ‘บุคคล’ ซึ่งผู้ถูกร้องที่ ๒ เป็นหัวหน้าทนายความประจำตัว  จึงเป็นมูลเหตุจูงใจทำให้ผู้ถูกร้องที่ ๑ ต้องการเอื้อประโยชน์ให้แก่ ‘บุคคล’  ดังกล่าว

และหลังจากผู้ถูกร้องที่ ๑ เข้าพบ ‘บุคคล’ ดังกล่าวแล้ว ผู้ถูกร้องที่ ๑ นำความกราบบังคมทูลเพื่อเสนอแต่งตั้งผู้ถูกร้องที่ ๒ เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่เคยถอนชื่อ หรือขอให้ผู้ถูกร้องที่ ๒ ถอนชื่อจากบัญชีเสนอแต่งตั้งรัฐมนตรี ในการเสนอแต่งตั้งรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๖

เป็นพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่า ผู้ถูกร้องที่ ๑ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง รวมทั้งรู้เห็นยินยอมให้ผู้ถูกร้องที่ ๒ หรือ ‘ผู้อื่น’ ใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องที่ ๑ เพื่อให้ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีโดยมิชอบ…”

“บุคคล” ที่ว่าคือ “ทักษิณ ชินวัตร”

คือคนที่ “พิชิต ชื่นบาน” เป็นทนายความประจำตัว

แต่คำร้องนี้มิได้ร้องเกี่ยวกับ “ทักษิณ” คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญจึงมิได้กล่าวถึงความผิดของ “ทักษิณ” เพราะไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัยตามคำร้อง

จำเลยที่ ๑ คือ “เศรษฐา ทวีสิน” เข้าพบ “บุคคล” ก็เป็นที่รับรู้กันครับว่า พบกันที่บ้านจันทร์ส่องหล้า แม้จะมีการอ้างว่าเข้าพบเพื่อขอพร แต่พฤติการณ์ และช่วงเวลานั้นคือคำตอบ

เช่นกัน การที่ “ทักษิณ” เรียก แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า แม้จะอ้างได้ว่า เป็นการพบปะ ขอพร รับประทานอาหารร่วมกัน

พฤติการณ์ และช่วงเวลา ก็เป็นคำตอบ

มี สส.เพื่อไทยบางคนอ้างว่าถ้าครอบงำจริง นายกฯต้องชื่อ “ชัยเกษม นิติสิริ” ไม่ใช่ “แพทองธาร ชินวัตร”

ขอโทษเถอะครับ นั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า เป็นการไปหารือเรื่องตั้งนายกฯ ไม่ว่านายกฯ จะชื่ออะไรก็ล้วนเข้าข่ายครอบงำทั้งสิ้น

อีกอย่าง พรรคพลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ จะไปพบเพื่อขอพรอย่างนั้่นหรือ

มันผิดธรรมชาติการเมือง

งานนี้ “บอสแม้ว” เตรียมตัวครับ

ครอบงำพรรคการเมืองมีโทษคุก ๑๐ ปีเชียวนะ. 

The post งานเข้า ‘บอสแม้ว’ appeared first on .

You may also like...