ดร.สังศิต แพร่บทความ วาทกรรม ‘กลุ่มส้ม’ ไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้องประชาชนได้
5 กรกฎาคม 2568 – รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) เผยแพร่บทความเรื่อง “วาทกรรมไม่สามารถแก้ปัญหาปากท้องประชาชนได้” มีเนื้อหาดังนี้
กลุ่มส้ม เป็นกลุ่มคนที่เน้นการใช้วาทกรรมและคำพูดที่สวยหรู เช่นคำว่าประชาธิปไตย โดยการตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก และกล่าวอ้างว่าพวกตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ส่วนฝ่ายที่เห็นตรงกันข้ามกับพวกตนจะถูก บิดเบือนและตีตราว่าเป็นพวกไม่เอาประชาธิปไตย และบางครั้งยังเลยเถิดถึงกับกล่าวหาฝ่ายที่เห็นต่างว่าเป็นพวก “ ขวาใหม่”
ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผมมีความเห็นต่อกลุ่มส้ม 4 ประการดังต่อไปนี้คือ
ประการแรก กลุ่มส้มเสพติดการใช้คำว่าประชาธิปไตยอย่างพร่ำเพรื่อ และใช้ในความหมายที่แคบมาก คือหมายถึงแค่การเลือกตั้งเท่านั้น
ประเทศที่กลุ่มส้มเชิดชูว่ามีประชาธิปไตยล้วนแล้วแต่เป็นประเทศที่กระหายสงครามและก่อความเดือดร้อนให้แก่โลก มาเป็นเวลานับร้อยปี ประธานาธิบดีสหรัฐและอังกฤษเกือบทุกคน อย่างน้อยที่สุดตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ล้วนแล้วแต่สนับสนุนการทำสงครามเพื่อแย่งยึดทรัพยากรต่างๆ เช่นน้ำมันและแก๊ส จากทั่วโลก ในระยะใกล้อดีตประธานาธิบดีบุชจนถึงนายโจ ไบเดน ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่กระหายการทำสงครามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตะวันออกกลาง ส่วนประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบันคือนายทรัมป์ ก็เป็นคนที่พูดไม่อยู่กับร่องกับรอย โกหก หลอกลวงและทำให้โลกปั่นป่วนไม่ได้หยุด ส่วนนายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษ ทั้งจากพรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคแรงงานทุกคนต่างกระหายการทำสงครามกับประเทศที่มีบ่อน้ำมันและมีความเห็นแตกต่างจากตนไม่ได้หยุด ไม่ได้หย่อนเช่นเดียวกัน
ผมคิดว่าเราต้องมองให้เห็นถึงผลร้ายที่ประเทศตะวันตกเหล่านี้สร้างขึ้นแก่ประเทศต่างๆที่อ่อนแอกว่าภายใต้เปลือก “ประชาธิปไตย” ที่ดูสวยหรู
คำว่าประชาธิปไตยในปัจจุบัน ถูกประเทศมหาอำนาจตะวันตกที่เคยเป็นนักล่าอาณานิคมในอดีตผูกขาดความหมายไว้เพื่อใช้ในการควบคุมและลงโทษประเทศต่างๆที่มีทัศนคติและค่านิยมที่แตกต่างไปจากประเทศตะวันตก ด้วยการกล่าวอ้างว่าค่านิยมของประเทศตะวันตกคือต้นแบบ และเป็นมาตรฐานเดียวของระบอบประชาธิปไตยในโลก ซึ่งมีรูปแบบการปกครองที่แน่นอน มีอุดมการ ความเชื่อ กลไกการทำงานและค่านิยมที่แน่นอนชุดหนึ่ง โดยไม่อนุญาตให้ประเทศต่างๆในโลกสามารถมีรูปแบบการปกครอง อุดมการ ความเชื่อและค่านิยมแบบอื่นที่แตกต่างไปจากพวกตนได้ รูปแบบการปกครอง ชุดอุดมการ ความเชื่อ และค่านิยมที่แตกต่างไปจากมาตรฐานเดียวของตะวันตกจะถูกถือว่าเป็นภัยคุกคามและเป็นศัตรูของประเทศตะวันตกที่จะต้องถูกขจัดให้หมดสิ้นไปจากโลกนี้เท่านั้น โลกนี้จึงเต็มไปด้วยสงครามที่ก่อขึ้นโดยประเทศมหาอำนาจตะวันตกอยู่เป็นระยะๆโดยไม่มีวันหมดสิ้น
ประการที่สอง กลุ่มส้มกล่าวหาว่าคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย ว่า เป็นการชุมนุมเพื่อเรียกร้องการรัฐประหารและขัดกับหลักการประชาธิปไตย
การเคลื่อนไหวชุมนุมของคณะร่วมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2568 เป็นสิทธิ์ของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ การแสดงออกนี้เป็นการลงโทษทางสังคมที่ประชาชนสามารถกระทำได้อย่างสันติวิธีต่อนักการเมืองอย่างชอบธรรม และเป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย ซึ่งอารยะประเทศต่างถือเป็นปรากฎการที่เป็นปกติและให้การยอมรับ
วิเคราะห์จากคำแถลง คำปราศรัย คำสัมภาษณ์ ลักษณะของการจัดองค์กร จุดมุ่งหมายของการเคลื่อนไหวและปฏิบัติการของขบวนการเคลื่อนไหว ขบวนการนี้แล้ว สะท้อนว่าอุดมการของคณะรวมพลังแผ่นดิน เห็นว่าการแก้ปัญหาประเทศด้วยการทำรัฐประหารนั้นไม่มีวันประสบความสำเร็จ และพวกเขาแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาประเทศด้วยการทำการรัฐประหาร ดังนั้นเมื่อ สังเคราะห์อุดมการทางการเมืองและพิจารณาจากทัศนะและจุดยืนทางการเมืองแล้ว พวกเขาจึงไม่อาจเป็นฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้เลย ในทางตรงกันข้าม พวกเขาคือกลุ่มคนที่ต้องการปกปักรักษาศักดิ์ศรีและอธิปไตยของประเทศอย่างแรงกล้า และต้องการรักษาหลักการและระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ในแง่นี้อุดมการทางการเมืองของพวกเขา ไม่สามารถจัดเข้าไปอยู่ในฝ่าย พวกขวาใหม่ได้เลย หากแต่ ต้องกำหนดว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยอย่างไม่อาจโต้แย้งได้
ผมจึงเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรมเป็นอย่างยิ่งที่กลุ่มส้มจะตีตราและบิดเบือนโดยการกล่าวหาผู้เข้าร่วมการชุมนุมในวันดังกล่าว ว่าเป็นปฏิบัติการเพื่อ เรียกร้องการรัฐประหารและเป็นกระทำการที่ขัดกับหลักการ ของระบอบประชาธิปไตย
ในสหรัฐอเมริกา ที่กลุ่มส้มเชิดชูว่าเป็นประชาธิปไตย ก็กำลังมีประธานาธิบดีที่ประชาชนต่างออกมาเดินขบวนเรียกร้องประท้วงนโยบายต่างๆไปทั่วเช่นเดียวกัน โดยหลักการของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย การประท้วงรัฐบาลประชาธิปไตยจึงเป็นสิ่งที่ทำได้และต้องทำ
คำถามคือการชุมนุมของคณะรวมพลังแผ่นดินเพื่อประท้วงรัฐบาล ในวันที่ 28 มิถุนายน 2568 ทำไมพรรคประชาชนจึงไปกล่าวหาว่าประชาชนกลุ่มนี้เรียกร้องการรัฐประหาร และ ปฏิบัติการของพวกเขาขัดกับหลักการของประชาธิปไตยข้อไหนและอย่างไร
ประการที่สาม พรรคประชาชนกล่าวหาคนไทยว่า “เสพติดจริยธรรม ” ซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างต่อเนื่อง
ผมเห็นว่า กลุ่มส้มใช้วาทกรรมประชาธิปไตยเฟ้อมาก แต่กลับไปกล่าวหาคนที่มีจริยธรรมว่า เป็นพวกจริยธรรมเฟ้อ
จริยธรรมเป็นคำใหม่ แต่คำว่าคุณธรรมมีมานานแล้ว คุณธรรมเป็นลักษณะเด่นที่ทำให้คนแตกต่างจากสัตว์ คนเหมือนกับสัตว์ตรงที่ใช้กำลังในการต่อสู้หรือทำมาหากิน แต่คนจะเป็น “ มนุษย์” ได้ก็ต่อเมื่อมีคุณธรรมเท่านั้น น่าเสียดายที่การศึกษาแบบฝรั่งในอเมริกาและในประเทศยุโรปต่างไม่เน้นเรื่องคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของวิถีชีวิตแบบเอเชีย ดังนั้นคนที่เติบโตมาจากสังคมฝรั่ง อาจจะไม่ซึมซับถึงความสำคัญของคุณธรรมและจริยธรรมได้อย่างเพียงพอ
กระนั้นก็ดี รัฐธรรมนูญของไทยได้รับเอามาตรฐานจริยธรรมสำหรับบุคคลสาธารณะของประเทศตะวันตกมาเป็นเครื่องมือทางกฎหมาย เพื่อใช้ควบคุมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นักการเมือง องค์กรอิสระและเจ้าหน้าที่ของภาครัฐในช่วงเกือบสามทศวรรษที่ผ่านมา
ในประเทศตะวันตก เช่นเยอรมัน การกระทำความผิดทางด้านจริยธรรมถือเป็นการคอรัปชั่นทางการเมืองที่ร้ายแรง และมีบทลงโทษทั้งทางการเมืองและทางสังคมที่ห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมืองตลอดชีวิต
ประการที่สี่ นโยบายที่เป็นรูปธรรมของพรรคส้มอยู่ที่ไหน
ในสถานการณ์ที่พรรคประชาชนกำลังเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพื่อหวังจะกลับมาเป็นรัฐบาลเดียว
ผมมีคำถามว่า พรรคประชาชนจะมีนโยบายและแผนงานทางด้านเศรษฐกิจที่เป็นทางเลือก และเป็นรูปธรรมในการแก้ปัญหาให้แก่ประเทศอย่างไรบ้าง และจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของประเทศ เช่น จะแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนอย่างไร จะแก้ปัญหานักท่องเที่ยวที่หายไปอย่างไร และจะแก้ปัญหาการส่งออกอย่างไร
นโยบายระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวของพรรคส้มควรแถลงออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจนเพื่อให้สังคมได้ทราบว่าเป็นอย่างไร และน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน
นโยบายของพรรคส้มจะเพิ่ม GDP ให้แก่ประเทศได้อย่างไร จะเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนได้อย่างไร ภาคเกษตร ภาคการค้า ภาคอุตสาหกรรมและบริการจะเพิ่มรายได้อย่างไร จะแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำได้อย่างไร และจะบริหารอย่างไร
จะแก้ปัญหาคนติดยาเสพติดและคนติดการพนันอย่างไร
พรรคส้มอาจนำเสนอคณะรัฐมนตรีเงาให้ประชาชนได้เห็นว่า หากเป็นรัฐบาลแล้วจะมีใครบ้างที่จะมาเป็นรัฐมนตรีทางด้านเศรษฐกิจ และด้านต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน หากพรรคส้มสามารถแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพในการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจและของประเทศได้จริง ผมเชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างแน่นอน