ต้องอ่าน! แก้วสรรออกบทความ Episode 2 : รวยโดยมิชอบ

08 ม.ค.2568 – นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ออกบทความในรูปถามตอบเรื่อง “รวย..อย่างชินวัตร Episode 2 : “รวยโดยมิชอบ””

ถาม เห็นอาทิตย์ที่แล้ว ทักษิณไปปราศัยที่เชียงรายว่า ตนรวยที่สุดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 35 แล้ว มีทรัพย์สินถึง 6 หมื่นล้านเลยทีเดียว มาจนลงก็เมื่อเข้ามาทำการเมืองเพื่อชาตินี่เอง กระทั่งทุกวันนี้ เขาก็มีฐานะพอๆกับชาวเชียงรายทั่วไปเท่านั้น พูดอย่างนี้ก็หมายความว่า ที่ศาลไปยึดทรัพย์เขาฐานร่ำรวยผิดปรกตินั้น ไม่ถูกต้องใช่ไหมครับ ?
ตอบ เขาไปบิดเบือนอย่างนั้นไม่ได้ครับ เงิน 4.2 หมื่นล้านที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง พิพากษาให้ยึดนั้น ไม่ใช่ยึดเพราะเขารวยขึ้นมาอย่างผิดปรกติอธิบายไม่ได้ แต่เป็นเรื่องได้ทรัพย์สินมาอย่างไม่สมควร โดยสืบเนื่องจากตำแหน่งหน้าที่

คือในกรณีชินวัตรนั้น โดนยึดจากเงินก้อนที่ขายหุ้นชินคอร์ปยกล้อตให้เทมาเส็คในราคารวม 7.3 หมื่นล้านเท่านั้นครับทรัพย์สินอื่นไม่เกี่ยว โดยศาลเห็นว่ามูลค่าหุ้นโดยรวมที่เพิ่มขึ้นมา 4.2 หมื่นล้านหลังจากเป็น นายกรัฐมนตรีนั้น เพิ่มขึ้นมาก็เพราะฟังได้ว่า มีการออกมาตรการโดยรัฐ ที่เอื้อประโยชน์โดยไม่สมควรให้ธุรกิจโทรคมนาคมชินคอร์ป ทั้งโทรศัพท์เอไอเอสและดาวเทียมชินแซท ถึง 6 มาตรการด้วยกัน รัฐเสียหายเป็นแสนล้าน มูลค่าที่เพิ่มขึ้นนี้จึงถือว่าได้มาโดยไม่สมควรและสืบเนื่องจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ศาลจึงให้ยึด 4.2 หมื่นล้านนี้ ส่วนที่เหลือ 3.1 หมื่นล้านนั้นถือเป็นมูลค่าหุ้นเดิมเมื่อแรกเป็นนายกฯ ก็พิพากษาให้ปล่อยอายัด คืนเขาไป

ถาม สรุปแล้ว ศาลไม่ได้แตะทรัพย์สินเดิมของเขาเลย เอาเฉพาะส่วนกำไรจากการขายหุ้นเท่านั้น ถ้ารวยอยู่แล้ว เขาก็รวยต่อไปเหมือนเดิม ใช่มั้ยครับ
ตอบ เป็นเช่นนั้น ถ้าถูกยึดทรัพย์จนไม่เหลือความรวยอยู่เลย แล้วเขาจะเอาเงินหลายหมื่นล้านจากที่ไหนไปซื้อสโมสรฟุตบอล แมนซิตี้ล่ะครับ พอขายแมนซิตี้ให้คนอื่นไปแล้ว เงินไปไหนต่อเราก็ไม่ทราบ วันนี้มีซุกอยู่กับมาดามแพบ้างหรือไม่ ก็ได้แต่สงสัยกันทั้งเมืองเท่านั้น ความรวยของชินวัตรนี่มันลับๆร่อๆจริงๆนะครับ

ถาม ที่ไปยึดกำไร 4.2 หมื่นล้าน จากการขายหุ้นชินคอร์ปของชินวัตรนี่ เราอิจฉาเขาหรือ
ตอบ ความไม่ถูกต้องมันเริ่มจากการเข้าเป็นนายกรัฐมนตรีโดยยังถือหุ้นบริษัทสัมปทานโทรคมนาคมกว่าครึ่งหนึ่งไว้ในมือโดยซุกซ่อนไว้ในชื่อลูกก่อน ด้วยความทับซ้อนนี้ ทักษิณในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจึงต้องดูแลทั้งประโยชน์ชินคอร์ปและประโยชน์ประเทศชาติ ถามว่าเขาเลือกประโยชน์ฝั่งไหน ก็พบต่อไปว่าในช่วง 6 ปี ที่เป็นนายกฯ ก็ได้เกิดมาตรการเอื้อประโยชน์ให้ชินคอร์ปโดยมิชอบ 6 มาตรการ มีที่ นายกฯกล้าสั่งการเอง 2 มาตรการ อีก 4 มาตรการก็กระทำโดยเจ้าหน้าที่ที่แต่งตั้งในสมัยทักษิณทั้งสิ้น คนพวกนี้พ้นตำแหน่งแล้ว ไปนั่งบริหารเอไอเอสอีกก็มี หรือหยิบจากชินแซท มาแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีก็มี

ถาม ผลทางกฎหมายคืออะไร
ตอบ ใครเป็นคนทำก็โดนคดีอาญา พิพากษาให้ติดคุก ทักษิณก็โดนด้วย ในส่วนมาตรการยึดทรัพย์นั้นเมื่อจงใจฝ่าฝืนข้อห้ามถือประโยชน์ทับซ้อน แล้วเกิดการหาประโยชน์โดยมิชอบขึ้นจริง ก็ต้องถือว่าประโยชน์ที่ได้เป็นประโยชน์ที่มิสมควรได้ และสืบเนื่องจากตำแหน่งหน้าที่นายกรัฐมนตรีในที่สุด

ถาม ประโยชน์มิสมควรได้ที่ตกแก่หุ้นชินคอร์ปนี้ กลายเป็นเงินค่าหุ้นจากเทมาเส็คได้ ก็เพราะพรรคไทยรักไทยของ นายกรัฐมนตรี ใช้เสียงข้างมากแก้กฎหมายเพิ่มเพดานถือหุ้นโทรคมนาคมของต่างชาติ จาก ๒๕% เป็น 49% ด้วยนะครับ
ตอบ ชัดเจนว่านี่คือตัวอย่างความทุจริตเชิงนโยบาย ที่ชัดเจนมาก ประโยชน์ที่ได้คือกำไรจากการขายหุ้นจึงต้องยึดเข้ารัฐให้หมด

ถาม 6 มาตรการที่ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์โดยมิชอบนี้ มีอะไรบ้างครับ
ตอบ ที่เป็นคดีถึงศาล จนมีคำพิพากษาจำคุกแล้ว ก็ 4 คดีคือ
1. แก้ไขสัญญาสัมปทาน ลดส่วนแบ่งที่องค์การโทรศัพท์ควรได้เป็นค่าสัมปทานจาก เอไอเอส สำหรับโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงิน จาก 25% เป็น 20% ของรายได้จากบัตรเติมเงินแต่ละใบ งานนี้ ทศท.เสียหายกว่า ๘8 หมื่นล้านบาท
2.ไทยตกลงให้พม่ากู้เงินดอกเบี้ยต่ำ เพื่อซื้อสินค้าไทยไปพัฒนาประเทศ จากนั้น นายกฯสั่งการให้เพิ่มรายการซื้อบริการสัญญาณดาวเทียมไทยคม ของชินแซท เป็นเงิน 1,000 ล้านบาท ลงไปในสัญญากู้ด้วย ทั้งนี้มีการเจรจาลับให้บริษัทโทรคมนาคมของพม่าตกลงรับซื้อก่อน บริษัทนี้มีลูก คสช.พม่าคือขิ่นยุนต์ เป็นเจ้าของ งานนี้หลวงเสียค่าส่วนต่างดอกเบี้ย ชักเนื้อไป 100 ล้านบาท

ถาม โอ้โฮ ไทยเราก้าวหน้าถึงขั้นส่งออกคอร์รัปชันไปพม่าเลยหรือครับนี่
ตอบ 3.ไม่ยอมแปรค่าสัมปทานตามที่กฎหมายกำหนด กลับไปใช้วิธีออกกฎหมายเก็บภาษีสรรพสามิตจากค่าบริการโทรศัพท์ แล้วให้ผู้ขายบริการนำค่าภาษีที่จ่ายไปหักจากค่าสัมปทานได้ เรียกวิธีนี้ว่ามาตรการแปลงค่าสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต งานนี้ ทั้ง ทศท. และ กสท.ขาดรายได้ เสียหายยับเยิน หลายหมื่นล้านบาท สิ้นสภาพทางธุรกิจจนทุกวันนี้
4.เมื่อชินแซท ยิงดาวเทียมไทยคม 3 มูลค่าสูง เพื่อขยายบริการให้ขายได้ทั้งภูมิภาคเอเซีย แทนที่จะให้บริการได้แต่เฉพาะในประเทศเหมือน ไทยคม 1 และ 2 งานนี้จึงมีการช่วยเหลือธุรกิจไทยคม 3 ขนานใหญ่ ทั้ง
– ยกเว้นภาษีเงินได้ในต่างประเทศของชินแซท 1.6 หมื่นล้านบาท
– บังคับ ทศท.เช่าใช้ช่องสัญญาณเกินความจำเป็น จนเสียหาย 1 พันล้านบาท
– เจรจาการค้าเสรี เปิดตลาดสินค้าการเกษตรให้ต่างชาติ แลกกับการเปิดตลาดสัญญาณดาวเทียม
ไทยทั้งใน เขมร พม่า ลาว นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย
– ที่เป็นคดีมีคนติดคุก ก็เป็นกรณีแก้ไขสัญญาผ่อนผันลดภาระลงทุนของ ชินคอร์ปในชินแซท
จาก 51% เป็น 40%

ถาม เท่าที่กล่าวมา ทำไมมีแต่เรื่องถือประโยชน์ทับซ้อนเท่านั้นครับ ทุจริตอย่างอื่นทั้ง รถดับเพลิง บ้านเอื้ออาทร จำนำข้าวฯลฯ ไม่นับเป็นความรวยของชินวัตรหรือ
ตอบ นั่นเป็นทุจริตเข้าพรรค ไม่ใช่ครอบครัว เป็นทุจริตเพื่อค่าใช้จ่ายที่ระบอบทักษิณต้องใช้ในทางการเมือง เอาไว้รออ่านใน “รวยอย่างชินวัตร Episode 3 : รวยจนชาติบ้านเมืองชิบหาย ” ก็แล้วกันนะครับ

 

You may also like...