ทลายทุนผูกขาด

ชื่นใจ…

ชื่นใจในความรวยของเศรษฐีไทยครับ

วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันปีนี้เป็นปีที่ ๓๑ แล้วครับ

เกณฑ์ความรวย วัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นในสัดส่วน ๐.๕% ขึ้นไป ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ mai ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ที่ผ่านมา

เลขที่ออก…

 “สารัชถ์ รัตนาวะดี” แห่งอาณาจักรกัลฟ์ แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี ๒๕๖๗

รวยมหาศาล ๒.๔ แสนล้านบาท

ครองแชมป์ ๖ ปีซ้อน

หุ้นที่ “สารัชถ์” ถือครองในปีนี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น ๒๔๐,๓๔๑ ล้านบาท

เพิ่มขึ้น ๔๙,๕๑๓ ล้านบาท

หรือ ๒๕.๙๕%

จะมีคนไทยสักกี่คนที่มีทรัพย์สินเพิ่มในปีนี้สูงถึง ๒๕%

ก็คงน้อยเต็มทนครับ

แต่ถ้ามีหนี้เพิ่ม ๒๕% สงสัยยกมือกันพรึ่บ!

หุ้นที่ “สารัชถ์” ถือครองประกอบด้วย

หุ้น GULF ในสัดส่วน ๓๕.๘๑% สูงเป็นอันดับ ๑

บมจ.ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่เป็นบริษัทลูกของไทยยูเนี่ยน ๐.๖๗%

และ บมจ.ร็อคเทค โกลบอล (ROCTEC) บริษัทในเครือบีทีเอส กรุ๊ป ที่ให้บริการด้านงานระบบครบวงจร ๔.๘๙%

“วารสารการเงินธนาคาร” บอกว่า ความมั่งคั่งของ “สารัชถ์” ที่หดหายไปเมื่อปีที่แล้ว ได้กลับมามีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น ๒๔๐,๓๔๑ ล้านบาท ในปีนี้

เป็นมูลค่าการถือครองหุ้นที่สูงที่สุดนับตั้งแต่สารัชถ์ก้าวเข้ามาเป็นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยเมื่อปี ๒๕๖๒ และนับเป็นมูลค่าสูงสุดในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยตั้งแต่ปี ๒๕๓๗ จนถึงปัจจุบัน

ปี ๒๕๖๒ ปีแรกที่ก้าวขึ้นครองแชมป์ “สารัชถ์” มีความมั่งคั่งรวม ๑๒๐,๙๕๙ ล้านบาท             

ปี ๒๕๖๓ ความมั่งคั่งลดลงเล็กน้อย แต่ก็อยู่ในระดับมากกว่า ๑ แสนล้านบาท คือ ๑๑๕,๒๘๙ ล้านบาท

ปี ๒๕๖๔ ภาษาชาวบ้านบอกว่ารวยไม่รู้เรื่อง ความมั่งคั่งพุ่งแบบก้าวกระโดดสู่ ๑๗๓,๐๙๙  ล้านบาท

ปี ๒๕๖๕ ทะลุไปที่ ๒๑๘,๙๘๑ ล้านบาท

และปี ๒๕๖๖ ยุครัฐบาลเศรษฐา ลดลง แต่ก็ยังเป็นอันดับ ๑ ที่ ๑๙๐,๘๒๘  ล้านบาท

ปี ๒๕๕๗ “สารัชถ์” ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งเรียกตัวปรับทัศนคติ เพราะมีความใกล้ชิดกับ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”

ว่ากันว่าสาเหตุบางส่วนเกี่ยวข้องกับ โครงการโรงไฟฟ้า ๕ พันเมกะวัตต์ เมื่อปี ๒๕๕๕

โครงการนี้ทำให้ “กัลฟ์” พลิกผัน กลายเป็นยักษ์ใหญ่ทุนพลังงานของประเทศไทย

ครับ…ชื่นใจแกมอิจฉา

สารภาพว่าวันสองวันนี้ แอบปลื้มใจกับ “นายกฯ แพทองธาร” ที่แถลงผลงาน ๓ เดือน แต่สาระสำคัญไปอยู่ที่ ปี ๒๕๖๘ รัฐบาลจะทำอะไรบ้าง

“…รัฐบาลเรามีความเชื่ออย่างยิ่งว่า การทลายทุนผูกขาดเป็นสิ่งสำคัญ การผูกขาดทุกชนิด ไม่ว่าภาครัฐภาคเอกชน เป็นสิ่งที่เพิ่มต้นทุนให้กับพี่น้องประชาชน การผูกขาดทำให้พี่น้องประชาชนจนลง…” 

ได้ฟังแล้วน้ำตาแทบไหล นายกฯ แพทองธาร จะทลายทุนผูกขาด

ไม่เชียร์ตอนนี้แล้วจะไปเชียร์ตอนไหนครับ

ถ้าทำได้จริงจะจัดโต๊ะจีนร้อยโต๊ะ เฉลิมฉลอง ๗ วัน ๗ คืนเลยครับ

“ทักษิณ ชินวัตร” ก่อนเป็นนักโทษหนีคุก ก็อยู่ส่วนบนสุดของพีระมิดทุนผูกขาดมาก่อน

ปัจจุบันก็ยังมีข้อสงสัยว่า มีนอมินีรับเป็นทุนผูกขาดแทนหรือเปล่า

หาก นายกฯ แพทองธาร จะทลายจริงๆ ก็เอาให้เหี้ยนครับ ใคร บริษัทไหน ผูกขาดจัดการให้หมด

แต่มันก็มีประเด็นเพิ่มขึ้นมาตรงที่ นายกฯ แพทองธารบอกว่า “การผูกขาดทุกชนิด ไม่ว่าภาครัฐภาคเอกชน”

ทุนผูกขาดภาครัฐ พวกไฟฟ้า น้ำประปา จะเอาไง

แปรรูปรัฐวิสาหกิจให้เป็นเอกชนหรือเปล่า

หรือจะเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาแข่งกับภาครัฐ

ตั้งหลักกันให้ดีนะครับเรื่องนี้เรื่องใหญ่ หากจะกรุณาบอกแนวทางมาให้ชัดว่าทำอย่างไร จะมีประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมมากกว่าพูดผ่านๆ ไร้ข้อมูลรองรับ

ส่วนเอกชนผูกขาดก็เห็นๆ อยู่ ไม่ต้องพูดมากเจ็บคอ

ทำให้นึกย้อนไปปี ๒๕๔๙ ตระกูลชินวัตร ขายหุ้นชินคอร์ป ให้ “เทมาเส็กโฮลดิงส์” กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ คิดเป็นมูลค่ากว่า ๗๓,๐๐๐ ล้านบาท

ยุคนั้นหวาดผวากันว่าทุนสิงคโปร์จะผูกขาดธุรกิจคมนาคมในไทย

โชคดีครับที่ “กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์” ภายใต้หัวเรือใหญ่อย่าง “สารัชถ์” ไปซื้อ หุ้นชินคอร์ป ที่เปลี่ยนชื่อเป็น “อินทัช” คืน มูลค่าเกือบ ๙ หมื่นล้านบาท

นี่ก็ชื่นใจ

อีกเรื่องที่ชื่นใจไม่แพ้กัน

วานนี้ (๑๒ ธันวาคม) “ทักษิณ” ให้สัมภาษณ์

“ล้านเปอร์เซ็นต์ไม่มีใครเถียงว่าเกาะกูดไม่ใช่ของไทย”

“…ไม่มีหรอก มั่ว วันนี้จะบอกให้คนไทยได้รู้ว่า ต่อไปนี้สิ่งที่เราพูดเขาสามารถไปเฟก ให้ไปพูดอีกอย่างได้โดยใช้ AI แต่สิ่งที่จะพิสูจน์ได้ว่า เป็นของจริงหรือ AI คือสายตา ฉะนั้นทุกคนต้องมี biometric (เทคโนโลยีในการอ่านอัตลักษณ์ทางร่างกาย) เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า เรากำลังถูก Fake หรือไม่ วันนี้เทคโนโลยีน่ากลัว บางทีก็เป็นเรื่องจริง บางทีก็เป็นเรื่องที่ฝ่ายไม่หวังดีสร้างเรื่อง บางทีฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด สรุปว่าเป็นอย่างนี้อย่างนั้น มองทุกอย่างในแง่ร้าย ทั้งที่ต้องดูเหตุและผล ต้องดูเนื้อหาให้ดี ที่จริงแล้ว MOU แปลว่าข้อตกลง ซึ่งเป็นข้อตกลงที่จะคุยกันในเรื่องที่ยังไม่ตกลง ไม่ใช่ข้อตกลงว่าจบแล้ว เกาะกูดยกให้เขมรไปแล้ว อันนี้คือบ้าและไม่มีใครบ้า…”

น่าชื่นใจมั้ยครับ ขนาด “ทักษิณ” ยังยืนยัน

ใช่ครับ ไม่มีใครในประเทศไทยเชื่อว่า เกาะกูด เป็นของกัมพูชา

มีแต่ยืนยันว่าเป็นของไทยกันทั้งนั้น

แต่เรายอมรับให้เส้นเขตแดนที่กัมพูชาขีดมั่วๆ ผ่าเกาะกูด อยู่ใน MOU 44 

และเช่นกัน กัมพูชาก็ยอมรับเส้นเขตแดนที่ไทยขีดโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ. ๑๙๐๗

ค่อยๆ คิดนะครับว่าใครได้ใครเสีย

พลังงานใต้อ่าวไทยหอมหวานครับ ไม่ทราบว่าฝ่ายไทยหรือฝ่ายกัมพูชาใครเร่งให้ขุดมากกว่ากัน

หากฝ่ายกัมพูชาเร่ง เราไม่ควรเร่งตาม เพราะมันหมายถึงความได้เปรียบในการต่อรอง

แต่หากฝ่ายที่เร่งเป็นรัฐบาลไทย ก็น่าสงสัยครับว่า เร่งเพื่อใคร.

The post ทลายทุนผูกขาด appeared first on .

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *