‘ทักษิณ’ ภาคสุดท้าย

เป็นพื้นฐานของคนจริงๆ ครับ

ความฉิบหายวายป่วงของรัฐบาลระบอบทักษิณช่วงปีที่ผ่านมา ไม่ใช่เรื่องคนอื่นทำ หรือเกิดจากการกลั่นแกล้งแต่อย่างใด  

เกือบทั้งหมดเป็นเพราะพื้นฐานด้านนิสัย จิตสำนึก ของ “ทักษิณ ชินวัตร”

ดูการตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีเป็นตัวอย่าง

ผู้นำประเทศที่มีความคิดความอ่าน มีจริยธรรมอยู่บ้าง จะไม่นำรายชื่อคนที่มีตำหนิท่ามกลางเสียงทักท้วงว่าไม่เหมาะสมขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแน่นอน

แต่มีคนมัดมือ “เศรษฐา ทวีสิน” ให้ทำตามความต้องการ

สุดท้ายคนซวยคือ “เศรษฐา”

สดๆ ร้อนๆ สรรหา ประธานกรรมการในคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ) อิทธิพลที่ครอบงำรัฐบาลบีบให้ เสนอชื่อ “กิตติรัตน์  ณ ระนอง”

ตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ เป็นตำแหน่งที่ต้องนำความขึ้่นกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเช่นกัน

โชคดีครับ คณะกรรมการกฤษฎีกาตีตก!

คุณสมบัติ “กิตติรัตน์” ไม่ผ่าน

เพราะ เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี

เป็นบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ้นตำแหน่งมาไม่ถึง ๑ ปี

ระหว่างการสรรหาก็มีเสียงเตือนนะครับว่า “กิตติรัตน์” มีปัญหาเรื่องนี้จริง

แต่ต้องทำตามใบสั่ง!

เป็นพฤติกรรมซ้ำซาก เท่านั้นไม่พอผู้คนแวดล้อมก็มักมีปัญหา ไม่เรื่องจริยธรรม คุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริต ก็เรื่องความไม่เหมาะสม

ลองคิดในมุมกลับสิครับ

หากดันก้นจน “กิตติรัตน์” ไปนั่งเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติได้สำเร็จอะไรจะเกิดขึ้น

โดยพฤติกรรมของรัฐบาล ผู้ครอบงำรัฐบาล กระเหี้ยนกระหือรือ ที่จะเล่นงานผู้ว่าฯ แบงก์ชาติเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว 

การครอบงำแบงก์ชาติจะเกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน

เมื่อแบงก์ชาติกลายเป็นลูกน้องรัฐบาล ที่ต้องทำตามคำสั่งซ้ายหันขวาหัน หายนะด้านการเงินการคลังจะมาเยือนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน

แล้วใครรับผิดชอบ?

ระหว่างที่คิดกันเล่นๆ ว่าใครต้องรับผิดชอบ

แต่ที่ไม่เล่นคือ “ทักษิณ” ขยันสร้างศัตรูจริงๆ

ขึ้นเวทีปราศรัยเลือกนายก อบจ.ทีไร ได้ศัตรูกลับมาอยู่เรื่อย

ใช้อำนาจในฐานะเจ้าของรัฐบาลพ่อเลี้ยง ตบหัวรัฐมนตรีที่ไม่ชอบขี้หน้า ก็ทำมาแล้ว

ตอนนี้จ้องไล่บี้ขาประจำ

ได้หน้าลืมหลังหรือความจำสั้นไม่ทราบได้ ก่อนที่ “ทักษิณ” จะหมดอำนาจ ก็เพราะพฤติกรรมใช้อำนาจจนเกินขอบเขตแบบนี้แหละครับ

จากที่ขาประจำแค่ไม่กี่คน ก็เพิ่มขึ้่นเรื่อยๆ  

และคนกลุ่มนี้แหละครับที่ล้มระบอบทักษิณ

ที่เชียงใหม่วานนี้ (๒๔ ธันวาคม) “ทักษิณ” ปราศรัยได้ศัตรูเพิ่มเป็นกอบเป็นกำ

“…ขอพี่น้องไม่ต้องฟังเสียงพวกขาประจำ หาโน่นนี่มาสร้างนิยาย ต่อไปนี้ใครเล่นงานผม ผมจะเล่นกลับหมด  ไม่เอาไว้เป็นพ่อหรอก คิดเล่นๆ นะสื่ออย่าไปเขียนจริง จะขออาสาสมัครทนายความ ใครแหลมมาช่วยฟ้องแทนที บางทีมันน่ารำคาญ

บางคนผมให้ตังค์ใช้ พ่อผมเคยสอนว่าบางคนเลี้ยงข้าวมื้อนึง มันขอบคุณ พอไม่เลี้ยงก็โดนมันกัดเอา จะให้เลี้ยงทุกมื้อ เห็นแล้วรำคาญขนาด ขนาดลูกสาวโตแล้วเขาก็หากินเอง แต่นี่ยังไม่เลิก ทหารไม่ออกมาแล้ว เสียงเห่า ทำให้ต่างชาติมองว่า ประเทศไทยไม่มีเสถียรภาพ จึงไม่อยากมาลงทุน มาจากการร้องเรื่อยเปื่อย…”

 “…ขอให้สบายใจได้ว่า ผมกลับมาแล้ว ไม่อยู่เฉยๆ จะมาช่วยพี่น้อง เรารวยแล้วแต่ชาวบ้านยังลำบากอยู่ ผมจึงตัดสินใจเล่นการเมืองเมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว เพราะฉะนั้น ความรู้สึกนี้ยังอยู่ ใช้ผมให้มากๆ เลือกตัวแทนผมมากๆ เพื่อมาทำงาน…”

แทนที่จะไปปราศรัยช่วยบอกกับประชาชนชาวเชียงใหม่ว่า เลือกนายก อบจ.คนของเพื่อไทยแล้ว จะได้อะไรบ้าง พัฒนาเมืองเชียงใหม่อย่างไร

แต่ “ทักษิณ” กลับประกาศเช็กบิลขาประจำ

เอาคืนให้หมด ไม่ไว้เป็นพ่อ

พูดแบบนี้อาจแค่เอามันก็ได้ครับ

แต่คนฟังไม่มันด้วย

คนที่สามารถครอบงำรัฐบาลได้ แทนที่จะสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคม เพื่อลดแรงต้านที่มีต่อรัฐบาลให้น้อยที่สุด

แต่ “ทักษิณ” ทำในสิ่งตรงข้าม

เพิ่มศัตรูให้ตัวเองและรัฐบาล

เท่านั้นยังไม่พอ ยังเผลอประจานนิสัยตัวเองออกมาด้วยความภาคภูมิใจ ว่าครั้งหนึ่งเคยใช้เงินสร้างทุกอย่างแม้กระทั่งความจงรักภักดี

แต่สุดท้ายโดนหมาที่เลี้ยงกัด

มันก็ตีความได้หลายทางครับ

เลี้ยงหมาอย่างไรให้หมากัด ไม่ง่ายนะครับ

เพราะปกติ หมารักเจ้าของ คอยปกป้องเจ้าของ 

ยิ่งเจ้าของเป็นคนดี มีความเมตตากรุณา หมาที่ไหนมันจะงับเจ้าของ

กลับกัน เจ้าของโหดเหี้ยม ทุบตีหมาบ่อย

โดนกัดเข้าสักวัน

ตบท้ายคำปราศรัยอีกท่อน

“…ผมกลับมาเป็นกรรมการห้ามมวย ใครผิดใจกันทั้งนักธุรกิจหรือนักการเมือง ผมจับมานั่งคุยกัน เอาไวน์คนละแก้ว นี่เป็นน้ำเปลี่ยนนิสัย กินแล้วนิสัยเปลี่ยน ดังนั้นก็เปลี่ยนนิสัยจากโกรธกันเป็นดีกัน ตอนนี้เปลี่ยนมาหลายคู่แล้ว วันนี้เราต้องไม่ทะเลาะกัน ต้องคุยกัน และปรองดองกัน มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน และขอให้สามัคคีกัน ช่วยกันคิดช่วยกันทำบ้านเมืองจะได้เจริญ วันนี้อาสาแล้วทำงานเต็มที่…”

เหมือนไม่มีอะไร แต่ในความไม่มีอะไร

ต้อนนักการเมืองกับพ่อค้าให้เป็นพวกตัวเอง ถ้าสำเร็จก็คุมประเทศได้เกือบเบ็ดเสร็จ

ที่ “ทักษิณ” พูดคิดว่าแค่โชว์พาวเท่านั้นหรือ

หรือเผลอพูดในสิ่งที่คิดและลงมือทำไปแล้ว

รอวันบ้านเมืองเจริญครับ

จบคราวนี้คือจบจริงๆ ไม่มีภาคต่อ.

The post ‘ทักษิณ’ ภาคสุดท้าย appeared first on .

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *