นายกรัฐมนตรีอินเดียเปิดเส้นทางรถไฟยุทธศาสตร์ในแคชเมียร์ที่เป็นข้อพิพาท
นายกรัฐมนตรีอินเดียเดินทางเยือนแคชเมียร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดความขัดแย้งกับปากีสถานคู่ปรับตลอดกาล เพื่อเป็นประธานในพิธีเปิดเส้นทางรถไฟยุทธศาสตร์ไปยังภูมิภาคที่เป็นข้อพิพาท
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียเดินถือธงชาติในพิธีเปิดสะพานรถไฟเจนับซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางรถไฟแคชเมียร์ ในเมืองเรซี รัฐจัมมูและแคชเมียร์ เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน (Photo by Indian Press Information Bureau (PIB) / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2568 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียเดินทางเยือนแคชเมียร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดความขัดแย้งกับปากีสถานคู่ปรับตลอดกาล เพื่อเป็นประธานเปิดเส้นทางรถไฟยุทธศาสตร์ไปยังภูมิภาคที่เป็นข้อพิพาท
โมดีได้ริเริ่มโครงการต่างๆ มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สำหรับดินแดนดังกล่าวที่มีชาวมุสลิมเป็นส่วนใหญ่และเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้งอันขมขื่นระหว่างอินเดียและปากีสถานตั้งแต่ได้รับเอกราชจากการปกครองของอังกฤษเมื่อปี 1947
อินเดียและปากีสถานซึ่งมีอาวุธนิวเคลียร์ได้ต่อสู้กันเป็นเวลา 4 วันเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากันอย่างร้ายแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1999 ก่อนมีการตกลงหยุดยิงกันได้ในวันที่ 10 พฤษภาคม
“ปากีสถานจะไม่มีวันลืมความสูญเสียอันน่าอับอาย” นายกรัฐมนตรีชาตินิยมฮินดูกล่าวกับฝูงชนหลังเหตุการณ์โจมตีนักท่องเที่ยวในแคชเมียร์
“วันนี้เป็นเทศกาลอันยิ่งใหญ่แห่งความสามัคคีและความมุ่งมั่นของอินเดีย นี่คือสัญลักษณ์และการเฉลิมฉลองของอินเดียที่กำลังพุ่งทะยาน” โมดีกล่าว
รัฐบาลนิวเดลีเรียกสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำเจนับ (Chenab River) แห่งนี้ว่าเป็น “สะพานโค้งทางรถไฟที่สูงที่สุดในโลก” โดยอยู่สูงจากระดับน้ำ 359 เมตร (1,117 ฟุต)
แม้ว่าสะพานถนนและท่อส่งน้ำมันหลายแห่งจะสูงกว่านี้ แต่บันทึกสถิติโลกกินเนสส์ (Guinness World Records) ยืนยันว่าสะพานเจนับนั้นสูงกว่าสะพานรถไฟที่สูงที่สุดเดิมอย่างสะพานนาจีเหอในจีน
โมดีเรียกสะพานนี้ว่าเป็นความสำเร็จด้านสถาปัตยกรรมอันพิเศษที่จะช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟระหว่างที่ราบลุ่มของอินเดียกับเทือกเขาแคชเมียร์ เป็นแห่งแรก
ทางรถไฟสายใหม่นี้มีอุโมงค์ 36 แห่งและสะพาน 943 แห่ง โดยมีความยาว 272 กิโลเมตร (169 ไมล์) และเชื่อมต่ออุดฮัมปุระ, ศรีนาคา และบารามูลลา
คาดว่าเส้นทางนี้จะช่วยลดเวลาเดินทางระหว่างเมืองกัตราในภูมิภาคจัมมูที่มีชาวฮินดูเป็นส่วนใหญ่และศรีนาคาซึ่งเป็นเมืองหลักของแคชเมียร์ ลงเหลือประมาณ 3 ชั่วโมง
เส้นทางใหม่นี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการสัญจรของผู้คน, สินค้า และกองกำลัง ซึ่งก่อนหน้านี้ทำได้เฉพาะทางถนนบนภูเขาที่อันตรายและทางอากาศเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ประชาชนราว 150 คนออกมาประท้วงโครงการดังกล่าวที่ชานเมืองมูซัฟฟาราบาด เมืองหลวงของพื้นที่แคชเมียร์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของปากีสถาน
“เราต้องการบอกกับอินเดียว่า การสร้างสะพานและปูถนนในนามของการพัฒนาจะไม่ทำให้ชาวแคชเมียร์ละทิ้งข้อเรียกร้องเสรีภาพ เราต้องการบอกกับรัฐบาลอินเดียอย่างชัดเจนว่าชาวแคชเมียร์ไม่เคยยอมรับการปกครองแบบบังคับของอินเดีย” ตามการระบุของอาซิร์ อาหมัด กาซาลี ผู้จัดการชุมนุมซึ่งเต็มไปด้วยชาวแคชเมียร์ที่หลบหนีความไม่สงบในฝั่งอินเดียในช่วงทศวรรษ 1990 เข้าร่วม
ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่แล้วมีผู้เสียชีวิตจากการยิงขีปนาวุธ, โดรน และปืนใหญ่มากกว่า 70 รายในความขัดแย้งล่าสุด
การสู้รบดังกล่าวเกิดขึ้นจากการโจมตีพลเรือนในพื้นที่แคชเมียร์ที่อินเดียปกครองเมื่อวันที่ 22 เมษายน โดยรัฐบาลนิวเดลีกล่าวหาว่าปากีสถานให้การสนับสนุน แต่รัฐบาลอิสลามาบัดปฏิเสธข้อกล่าวหานั้น
กลุ่มติดอาวุธในพื้นที่แคชเมียร์ส่วนที่อินเดียปกครองได้ก่อกบฏมาเป็นเวลา 35 ปี โดยเรียกร้องเอกราชให้กับดินแดนดังกล่าวหรือไม่ก็ไปรวมเข้ากับปากีสถาน
นายกรัฐมนตรีโมดีประกาศให้รัฐบาลช่วยเหลือทางการเงินแก่ครอบครัวที่ญาติพี่น้องเสียชีวิตหรือบ้านเรือนได้รับความเสียหายระหว่างความขัดแย้งระยะสั้น โดยส่วนใหญ่เป็นการระดมยิงตามแนวชายแดนติดกับปากีสถานที่เต็มไปด้วยกองกำลังทหารติดอาวุธ ซึ่งเรียกว่าแนวควบคุม.
The post นายกรัฐมนตรีอินเดียเปิดเส้นทางรถไฟยุทธศาสตร์ในแคชเมียร์ที่เป็นข้อพิพาท appeared first on .