ประธานสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกไทย กล่าวไว้อาลัย ‘โป๊ปฟรานซิส’ สิ้นพระชนม์
‘พระอัครสังฆราช วีระ’ แถลงไว้อาลัย ขอคริสตชนไทยร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตชนทั่วโลก ขณะ ‘ซิสเตอร์อันนา’ ลูกพี่ลูกน้องพระสันตะปาปาฟรังซิส ยกพระดำรัส ‘อย่ากลัวที่จะฝัน’ เป็นคำสอนสร้างแรงบันดาลใจต่อไป
22 เมษายน 2568 – เวลา 17.30 น. ที่ ณ อาสนวิหารอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ พระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ วีระ อาภรณ์รัตน์ ประธานสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้อ่านประกาศสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกฯ และกล่าวร่วมไว้อาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขสูงสุดแห่งศาสนจักรคาทอลิก
โดยพระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ วีระ ระบุว่า ในพระดำรัสสุดท้ายที่พระองค์ทรงเตรียมไว้สำหรับพิธีอีสเตอร์ ซึ่งถูกอ่านแทนโดยพระสงฆ์ผู้ช่วย พระองค์ทรงเน้นย้ำถึงความหวังในชีวิตนิรันดร์ และการฟื้นคืนชีพของพระคริสต์ พระองค์ตรัสว่า
“พระคริสต์ทรงฟื้นคืนชีพ พระดำรัสนี้สะท้อนความหมายทั้งหมดของการดำรงอยู่ของเรา เพราะเรามิได้ถูกสร้างมาเพื่อความตาย แต่เพื่อชีวิต”
นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้งทั่วโลก โดยเฉพาะในกาซา ยูเครน และพื้นที่อื่น ๆ ที่มีความรุนแรง พระองค์ทรงเน้นย้ำถึงคุณค่าของชีวิตมนุษย์ทุกคน และเรียกร้องให้ผู้นำโลกใช้พลังอำนาจเพื่อสร้างสันติภาพ และความเป็นพี่น้องกันในระดับสากล แม้จะทรงพระประชวรอย่างหนัก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิสยังคงปฏิบัติภารกิจด้วยความมุ่งมั่นและความรักต่อมวลมนุษย์จนถึงวาระสุดท้ายของพระชนมชีพด้วยหัวใจที่โศกเศร้าแต่เต็มเปี่ยมด้วยความรักและเคารพ สภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกแห่งประเทศไทย ในนามของคริสตศาสนิกชนชาวไทยทุกคน ขอน้อมถวายคำไว้อาลัยแด่การสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ผู้ทรงเป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ผู้เป็นดั่งแสงแห่งความหวังในโลกที่สับสน และผู้ทรงประกาศความรักของพระคริสต์ด้วยชีวิตอันถ่อมตน และเปี่ยมด้วยความเมตตา
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ทรงมีพระนามเดิมว่า ฮอร์เค มาริโอ แบร์โกกลิโอ (Jorge Mario Bergoglio) ประสูติเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1936 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ทรงเป็นพระสงฆ์คณะเยซูอิต และได้รับแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัลในปี ค.ศ. 2001 ก่อนจะได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาองค์ที่ 266 แห่งพระศาสนจักร เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 2013
พระองค์ทรงเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกจากทวีปอเมริกาใต้ องค์แรกจากคณะเยซูอิต และองค์แรกที่ทรงเลือกพระนามว่า ”ฟรังซิส“ เพื่อสะท้อนถึงชีวิตเรียบง่าย การรับใช้ผู้ยากไร้ และการเป็นสะพานแห่งสันติภาพ ตามแบบนักบุญฟรันซิส แห่งอัสซีซี ในระหว่างสมณสมัยของพระองค์ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิสได้ทรงริเริ่มภารกิจสำคัญหลายประการที่ฝากรอยไว้ในประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักรและของมนุษยชาติ
อาทิ การย้ำถึง “วัฒนธรรมแห่งความเมตตา” โดยทรงเปิด ปีศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเมตตา (Jubilee of Mercy) และเชิญชวนให้คริสตชนดำเนินชีวิตตามหัวใจของพระวรสาร, การส่งเสริม “การดูแลบ้านส่วนรวม” ผ่านสมณสาสน์Laudato Si’ ซึ่งเน้นถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและความยุติธรรมทางนิเวศวิทยา, การปฏิรูปภายในพระศาสนจักร ทั้งในด้านธรรมาภิบาล ความโปร่งใสทางการเงิน และการส่งเสริมบทบาทของฆราวาส โดยเฉพาะสตรี, การเดินหน้า “การเสวนาระหว่างศาสนา” และความร่วมมือเพื่อสันติภาพ ทรงพบปะกับผู้นำศาสนาอิสลาม พุทธ ยิว และศาสนาอื่น ๆ ด้วยจิตแห่งมิตรภาพ, การเน้น “การออกไปหาผู้ถูกลืม” โดยพระองค์ทรงย้ำว่า พระศาสนจักรต้องไม่ยึดติดอยู่กับตนเอง แต่ต้องออกไปหาผู้ยากไร้ ผู้ถูกกีดกัน และผู้ไม่มีเสียงในสังคม
ในช่วงเวลาที่เปี่ยมด้วยความประทับใจ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิสได้เสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 20–23 พฤศจิกายน ค.ศ. 2019 พระองค์ทรงนำพลังแห่งความรักและความเชื่อมาสู่แผ่นดินของเรา ทรงพบปะและประทานพรแก่บรรดาผู้นำ เยาวชน นักบวช และประชาชนทั่วไปด้วยพระเมตตาอันลึกซึ้ง พระดำรัสที่พระองค์ประทานไว้ในการพบปะต่าง ๆ โดยเฉพาะกับเยาวชนที่ว่า “อย่ากลัวที่จะฝัน” ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้เราทุกคนเดินหน้าด้วยความกล้าหาญ ความเชื่อ และความรัก
สำหรับช่วงเวลาบั้นปลายแห่งชีวิตของพระองค์ ถึงแม้จะต้องอดทนต่อความเจ็บป่วยและต้องเข้ารับการรักษพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง แต่ยังทรงเป็นห่วงพระศาสนจักรเสมอ ไม่ทอดทิ้งพระศาสนจักร และยังคงอยู่ร่วมเดินทางกับพระศาสนจักรด้วยคำภาวนาและด้วยชีวิตทั้งชีวิตของพระองค์
โอกาสนี้คริสตชนไทย ขอร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตชนทั่วโลก ไว้อาลัยในการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ผู้ทรงมีความสุภาพถ่อมตนในการรับใช้พระศาสนจักรด้วยความเชื่อ และความรักของท่านที่มีต่อพระเจ้าเป็นแบบอย่างสำหรับเราคริสตชน เราทุกคนขอน้อมส่งดวงวิญญาณของท่านไปสู่สรวงสวรรค์บ้านแท้นิรันดร บ้านของพระบิดาที่พระองค์ท่านทรงรักอย่างที่สุด และอุทิศทั้งชีวิตของท่านเพื่อพระองค์ แม้พระองค์จะจากเราไปแล้ว แต่คำสอน ชีวิต และพันธกิจแห่งการรับใช้ของพระองค์จะยังคงสะท้อนอยู่ในหัวใจของคริสตชน และในหนทางของพระศาสนจักรทั่วโลกตลอดไป
“ขอพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา ทรงโปรดรับดวงวิญญาณของพระองค์ไว้ในอ้อมพระหัตถ์ และประทานการพักผ่อนนิรันดรแด่พระองค์ ขอทรงพักผ่อนเป็นสุขในสันติของพระเจ้าเทอญ”
พระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ วีระ กล่าวต่อว่า ตนเองได้รับข่าวให้ได้รับเชิญไปร่วมสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ที่กรุงโรม นครรัฐวาติกัน ก็รู้สึกว่าไว ที่พระองค์ออกมาพบประชาชน และเป็นการพบปะครั้งสุดท้าย ตนเองรู้สุดตกใจ คำสุดท้ายที่สอนคือให้เราฟัง และก้าวเดินไปด้วยกัน นอกจากคำสอนอื่นๆ แล้ว คิดว่าพวกเราคริสต์ศาสนิกชนต้องฟังความรู้สึกเพื่อก้าวเดินไปด้วยกัน ให้สังคมเรา เพื่อพัฒนาสังคมของเราให้มีสันติสุข
พระอัครสังฆราชฟรังซิสเซเวียร์ วีระ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติต่อให้ความสำคัญกับการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส และขอบคุณรัฐบาลไทยที่ได้ให้เกียรติต่อสมเด็จพระสันตะปาปา ที่เคยเสด็จมาเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ให้ลดธงชาติครึ่งเสา ก็ถือเป็นเกียรติ
ด้าน ซิสเตอร์อันนา โรซา พระญาติ ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส กล่าวว่า ตนเองอยู่ไทยครบ 10 ปี เราสองคนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เรารู้จักกันแต่เด็ก เป็นครอบครัวที่มักจะสนิทกัน ตอนที่ได้ข่าวการสิ้นพระชนม์ ความรู้สึกของตนเองก็เสียใจ หากบอกว่าทำไมถึงรู้สึก ตนเองก็เหมือนทุกคนในโลกที่เห็นว่าพระองค์ดีขึ้น ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ทุกคนก็ดีใจ ที่เหมือนหายแล้ว แต่พอได้ข่าวแล้วความเสียใจก็มีอะไรต่ออะไรที่คิดในใจ จากที่เห็นว่าดีขึ้น ก็คิดว่าพระเป็นเจ้า ต้องการให้ความคิด ความปรารถนาของท่านที่มีอยู่ในใจสำเร็จไป สันติภาพก็จะเกิดขึ้นในโลกของเรา ประเทศต่าง ๆ ก็จะดีขึ้น ความยากจนก็จะหมดลง แต่พระเป็นเจ้าคิดว่าในโลกนี้ยังทำไม่ได้ เลยยกไปสวรรค์ จากสวรรค์พระองค์ก็ดูแลโลกทั้งโลก ผ่านเราแต่ละคน และหวังว่าเราจะตอบสนองความรักของพระองค์ และของพระเป็นเจ้า เพื่อจะให้โลกของเรา เป็นโลกที่น่าอยู่ ที่ดีขึ้น
ขณะที่ บาทหลวง ยอห์น บอสโก สุวัฒน์ เหลืองสะอาด รองเลขาธิการสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกฯ เปิดเผยกระบวนการที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ว่า ในวันที่ 26 เม.ย. เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น กรุงโรม นครรัฐวาติกัน ตรงกับเวลาประเทศไทย 15.00 น. จะมีพิธีฝังพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปา โดยสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกฯ จะมีการถ่ายทอดสด เพื่อให้คริสต์ศาสชนไทยได้ติดตามอย่างมีความรู้และเข้าใจตามธรรมประเพณี
และตั้งแต่วันที่ 22-25 เม.ย. เป็นต้นไป อาสนวิหารอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ จะมีพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ เพื่อถวายความอาลัยแก่สมเด็จพระสันตะปาปา เวลา 19.00 น. และวันที่ 25 เม.ย. จะมีมิสซา เวลา 17.00 น. พร้อมมีทูตานุทูต หน่วยงานภาครัฐ และองค์กรศาสนาต่างๆ เข้าร่วม และมีพระอัครสังฆราช ปีเตอร์ ไบรอัน เวลส์ เอกอัครสมณทูตนครรัฐวาติกันประจำประเทศไทย เป็นประธานในพิธี
นอกจากนี้ ยังประกาศให้ทุกเขตปกครองมีการจัดให้ทุกวัดทั่วประเทศ ถวายมิสซาอุทิศแด่พระองค์ท่าน เป็นเวลา 7 วัน ระหว่างวันที่ 22-28 เม.ย. พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้คริสต์ศาสชนและบุคคลทั่วไป ได้ลงนามถวายความอาลัย ทั้งที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ ที่สถานทูตวาติกันประจำประเทศไทย รวมทั้งผ่านช่องทางออนไลน์
ดร.ชัยณรงค์ มนเทียรวิเชียรฉาย อดีตที่ปรึกษาสมณกระทรวงสื่อสารสังคม นครรัฐวาติกัน ได้เล่าถึงประสบการณ์ของตนเองว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ในปีศักดิ์สิทธิ์ ตนจึงไปอยู่เข้าร่วมพิธี้ลานมหาวิหารนักบุญเปโตร กรุงโรม นครรัฐวาติกัน และพบผู้คนมากมายที่หวังจะมาเห็นสมเด็จพระสันตะปาปา และแม้พระองค์จะไม่สบาย แต่ก็มีการเขียนบทที่ให้กับผู้แทนพิธี พร้อมปรากฎตัวต่อหน้าสาธารณชนภายหลังพิธี ส่วนตัวก็คิดไม่ถึง ว่าวันรุ่งขึ้นจะเกิดเหตุการณ์นี้
อย่างไรก็ตาม ในการเลือกสมเด็จพระเด็จพรสะสันตะปาปาองค์ใหม่ พระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช ซึ่งเป็นพระคาร์ดินัลที่มีสิทธิ์เข้าร่วมเลือกสมเด็จพระเด็จพรสะสันตะปาปาองค์ใหม่ มีกำหนดการจะเดินทางไปนครรัฐวาติกัน ในเวลา 12.00 น. วันที่ 23 เม.ย.นี้ รวมถึงซิสเตอร์ อันนา จะเดินทางไปร่วมพิธีปลงพระศพด้วย
The post ประธานสภาประมุขบาทหลวงโรมันคาทอลิกไทย กล่าวไว้อาลัย ‘โป๊ปฟรานซิส’ สิ้นพระชนม์ appeared first on .