‘ภูมิธรรม’ นำทีมแจง จีนร้องขอรับตัว40อุยกูร์ ให้คำมั่นเรื่องความปลอดภัย ทุกคนสมัครใจกลับ

‘ภูมิธรรม’ นำทีมแจงยิบ ทางการจีนส่งหนังสือร้องขอรับตัวอุยกูร์กลับบ้าน ให้คำมั่นเรื่องความปลอดภัย ไม่มีทรมาน ยัน 40 คนสมัครใจกลับ รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่เป็นสักขีพยานถึงถิ่น ตรวจสอบความเป็นอยู่เป็นระยะ ย้ำกระบวนการถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่อยากให้จินตนาการ ที่ไม่เป็นผลดีกับประเทศ

28ก.พ.2568 – ที่กระทรวงยุติธรรม เวลา 19.30น. วันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(รองผบช.สตม.) และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่รัฐบาลส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน จำนวน 40 คน

โดยนายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเรามีกระบวนการเริ่มต้นก่อนหน้านี้มาเป็นเดือนแล้ว โดยเป็นพิธีการทางการทูต ซึ่งทางรัฐบาลประเทศจีนได้มีหนังสือติดต่อประสานอย่างเป็นทางการมาเพื่อรับชาวอุยกูร์กลับไป โดยเราได้คุยกับเขาแล้วบอกว่า ถ้าจะให้เราจะส่งเขากลับไปท่านจะต้องมีความมั่นใจว่าจะต้องทำอย่างถูกต้อง และบุคคลเหล่านี้ไม่ได้มีความผิดร้ายแรงอะไร ซึ่งเขายืนยันว่าจะดูแลอย่างดี ให้ชาวอุยกูร์มาอย่างสมัครใจ และให้เขาสามารถคุยกับญาติพี่น้องได้ รวมถึงจัดหาอาชีพ ซึ่งทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น โดยทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.)มีการนำเอกสารฉบับที่ทางจีนยืนยัน นำไปแปลเป็นภาษาอุยกูร์ เพื่อให้เขาได้เห็นและทำความเข้าใจ โดยหลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปยังจีน โดยนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ยืนยันว่าไม่ต้องเป็นห่วง ทางรัฐบาลจีนจะดำเนินการอย่างดี เพราะคนเหล่านี้คือประชาชนจากจีนเหมือนกัน ซึ่งรัฐบาลไทยจะทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดความมั่นใจ

นายภุมิธรรม กล่าวว่า กระบวนการหลังจากนี้คือเมื่อผลักดันชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน เราจะส่งเลขาสมช. และเจ้าหน้าที่จากสถานทูตไทยประจำประเทศจีน ไปร่วมเป็นสักขีพยานและมีการถ่ายรูปบันทึกทุกอย่าง นอกจากนี้เราจะไปที่ประเทศจีนเป็นระยะๆ เพื่อตรวจสอบว่าเขาจะไม่เป็นอะไร และภายใน 1 สัปดาห์นี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะเดินทางไปร่วมด้วย

“เรื่องนี้เราจำเป็นต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ และตรวจสอบอย่างดีให้ชัดเจน ว่าจะไม่สร้างผลกระเทือนที่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ ซึ่งรัฐบาลมีความเป็นห่วงกรณีถ้าเราส่งตัวชาวอุยกูร์ไปแล้วจะเกิดปัญหาอะไรหรือไม่ จะส่งเขาไปตายหรือไม่ โดยตั้งแต่ที่เราได้ดำเนินการยืนยันว่าถูกต้องตามกฎหมายทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ และถูกต้องตามพรบ. อุ้มซ้อมทรมาน ดังนั้นเราจึงมั่นใจว่าชาวอุยกูร์ที่เราส่งตัวไปจะไม่พบกับปัญหาที่คนได้กังวล เราไม่อยากให้ทุกคนจินตนาการ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาซึ่งไม่เป็นผลดีกับประเทศ ” นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า เราได้จับตัวชาวอุยกูร์ กักขังมานานกว่า 10 ปี ซึ่งเราไม่อยากกักขังเขานานขนาดนี้ เพราะว่าโทษของการลักลอบเข้าเมืองมีอยู่ไม่มาก ซึ่งการกักขังมานานกว่า 10 ปีเป็นปัญหาที่เราไม่ควรทำ ถ้าเราผลักดันเขากลับไปหรือส่งตัวไปยังประเทศที่ 3 ได้เราก็ควรทำ ทั้งนี้แนวทางปฏิบัติที่ผ่านมาคือเราส่งไปยังประเทศที่ 3 ถ้ามีประเทศรองรับ หรือถ้าประเทศไหนขอให้ผลักดันกลับเราก็ต้องพิจารณา ถ้าเขาสมัครใจกลับก็ไม่มีปัญหาอะไร

ด้านพล.ต.ต.ธนิต กล่าวว่า ในส่วนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับหนังสือจากสมช. ให้ดำเนินการส่งชาวอุยกูร์ กลับประเทศจีน โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการโดยวิธีการส่งตัวชาวอุยกูร์ จำนวน 40 คนกลับไปสู่ประเทศจีน ซึ่งในส่วนนี้เราได้ทำความเข้าใจกับชาวอุยกูร์มาก่อนหน้านี้ซึ่งเขาได้ยินยอมเดินทางกลับโดยมีข้อตกลงที่ว่าเมื่อกลับไปแล้วเขาจะปลอดภัยจะไม่มีการทรมาน ซ้อม ใดๆทั้งสิ้น ยืนยันว่าในระหว่างการขนย้ายไม่ได้มีการใช้กำลังกับชาวอุยกูร์ และดำเนินการส่งกลับเสร็จสิ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา

ขณะที่้ นายฉัตรชัย กล่าวว่า ในการดำเนินการในส่วนแรกของเราคือไปรอที่ประตูเครื่องบินเพื่อติดตามอย่างใกล้ชิด โดยจีนได้มีผู้บริหารระดับสูงโดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ และผู้บริหารระดับสูงของฝ่ายตำรวจในมณฑลซินเจียงอุยกูร์ มาร่วมเป็นสักขีพยานในการรับชาวอุยกูร์กลับมาที่ประเทศจีน โดยได้มีการส่งชาวอุยกูร์ที่ป่วยออกมาจากเครื่องบินคนแรก โดยเห็นว่าผู้ป่วยได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเริ่มจะมีการส่งตัวไปรักษาพยาบาลต่อไปก่อนที่จะส่งตัวกลับบ้าน โดยมีญาติพี่น้องชาวอุยกูร์ได้เดินทางมารับคนที่เหลือ นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังนำชาวอุยกูร์ ไปที่โรงเรียนฝึกอาชีพและมีญาติมารอรับเป็นจำนวนมากเป็นภาพบรรยากาศที่ดี ซึ่งเขาขอบคุณรัฐบาลไทยและจีนที่ทำให้เขาได้กลับบ้าน และยังได้พบกับชาวอุยกูร์ที่บ้านพักที่เราได้ส่งตัวกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ซึ่งพบว่าอยู่ดีมีสุข

นายฉัตรชัย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้การส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนในครั้งนี้ แตกต่างจากกรณีการส่งตัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับประเทศจีน เนื่องจากคนที่ลงมาจากเครื่องบินไม่ได้มีเครื่องมือพันธนาการแต่อย่างใด

เมื่อถามว่า รัฐบาลจีนได้ทำหนังสือร้องขอเพื่อขอส่งตัวชาวอุยกูร์ กลับเหตุผลคืออะไร นายมาริษ กล่าวว่า เขาต้องการที่จะได้คนของเขากลับไป และได้ยืนยันหลักฐานชัดเจนว่าบุคคลเหล่านี้เป็นคนจีน จึงได้มีกระบวนการที่จะเริ่มพูดคุยกับชาวอุยกูร์ และไม่มีประเทศที่ 3 ยืนยันต้องการรับตัวอย่างเป็นเรื่องเป็นราว

เมื่อถามอีกว่า ในการดำเนินการขนส่งชาวอุยกูร์กลับหลายฝ่ายต้องข้อสังเกตว่าทำไมต้องส่งตัวในช่วงเวลากลางคืน นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราได้มีการประชุมสมช. สิ่งที่เรากังวลคือเมื่อเขากลับไปแล้วจะปลอดภัยหรือไม่ ส่วนเหตุผลว่าเหตุใดต้องส่งตัวในช่วงกลางคืน เนื่องจากเราต้องการให้เกิดความเป็นระเบียบซึ่งการที่เราส่งตัวช่วงกลางคืนเมื่อเขาถึงประเทศจีนก็เป็นช่วงกลางวันพอดี เพราะถ้าเขาไปถึงจีนช่วงกลางคืนก็จะมีข้อกล่าวหาอีก ดังนั้นเราทำเพื่อความหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย ยืนยันเราดำเนินการถูกต้องชัดเจนตามข้อกฎหมายทั้งหมด

ด้านพ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เรื่องชาวอุยกูร์ มีเรื่องที่ร้องเรียนเข้ามาที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย นานแล้ว ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งเพื่อไปสอบสวนข้อเท็จจริง พบว่าการกักขังที่ตม.ส่อถึงการทรมาน โดยมีข้อเสนอของคณะกรรมการว่าเราจะต้องแก้ไขคือ 1. ส่งกลับไปยังประเทศจีน เงื่อนไขคือต้องสมัครใจ 2.ส่งไปยังประเทศที่สาม 3.จะหาเหตุให้อยู่เมืองไทยอย่างไรได้ ซึ่งข้อนี้ไม่มีช่องทาง ทั้งนี้ส่งกลับประเทศจีนต้องสมัครใจ ซึ่งช่วงแรกชาวอุยกูร์อาจไม่สมัครใจแต่ตอนหลังสมัครใจ ประการต่อมาการส่งตัวไปนั้นมีการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ เรามีจดหมายรับรองโดยทูตประเทศไทยที่อยู่ในจีน ซึ่งเราก็ยังไม่เชื่อจึงส่งเจ้าหน้าที่บินไปดูจะเห็นว่า การอยู่ประเทศไทยเขาทรมาน พอกลับไปได้เจอญาติโอบกอด

“ชาวอุยกูร์ทุกคนยืนยันว่าเป็นคนจีนแล้วจะขอกลับไปประเทศจีน ในเวลา 10 ปีที่อยู่ประเทศไทยแล้วถูกกักตัวในสภาพเช่นนี้ อย่างไรก็ตามเราจะมีการตรวจสอบเป็นระยะๆ และอาจจะมีรัฐมนตรีหลายท่านเดินทางไปเพิ่งเห็นว่าเป็นเกียรติภูมิของเราว่าเราแก้ไขปัญหาที่ 10 ปีเรานำเขามาทรมานและทุกคนห่วงชาวอุยกูร์ ยืนยันว่าเราไม่กระทำผิดตามพรบ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน. และการกระทำให้บุคคลสูญหาย”พ.ต.อ.ทวี กล่าว

เมื่อถามอีกว่า กังวลหรือไม่หากสหรัฐอเมริกา และยูเอ็น มีการจับตาท่าทีไทยหลังจากนี้ อาจจะกระทบต่อการจัดอันดับหรือเทียร์การค้ามนุษย์ของไทย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ภาพทั้งหมด และข้อเท็จจริงจะฟ้องถ้าวันนี้เราส่งไปแล้วมีการหิ้วตัวเขาหรือมีการเสียชีวิต เราคงจะหนักเหมือนกัน แต่ทั้งหมดที่เราได้เตรียมการป้องกันไว้แล้ว เราได้กระทำอย่างรอบคอบซึ่งสามารถยืนยันได้

“เราเชื่อมั่นว่าเขาจะโอเค และที่สำคัญเราไม่อยากให้เกิดปัญหา เพราะเรื่องนี้ดราม่าเยอะ นี่ขนาดว่ายังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรนี่ก็ถล่มรัฐบาลจะพังตายอยู่แล้ว ถึงรีบมาแถลงในคืนนี้เพื่อให้รู้ข้อเท็จจริง ผมไม่อยากให้กังวลว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้แล้วเที่ยวมาพูดแล้วทำให้เกิดความสับสนใยิ่งสร้างความสับสนยิ่งทำให้ต่างประเทศบางส่วนไม่เข้าใจโดยที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง คนที่รับกรรมมากที่สุดคือประเทศไทยและประชาชนไทย เราดำเนินการด้วยความโปร่งใส แล้วทำให้เกิดความชัดเจน และที่สำคัญเราไม่อยากให้เรื่องทั้งหมดค้างคาไปเรื่อยๆ ถ้าจะค้างไปอีก 10 ปีคิดดูว่าเขาเองจะเป็นแบบไหน ถึงแม้จะไม่ส่งตัวกลับไปก็ตาม เราไม่ได้ต้องการทำโชว์หรือพูดไปก่อน แต่เราทำสำเร็จจริงแล้วนำมาให้ดู และถ้าเขาไปถึงและปฏิบัติชีวิตอยู่กับครอบครัวมีบ้านอยู่ ก็จบแล้ว คนจะชื่นชมประเทศไทยที่สามารถจัดการปัญหานี้ได้ชัดเจนเคลียร์ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเราน่าจะดีใจมากกว่าที่นำเข้าออกจากที่คุมขังแล้วไปเจอพ่อแม่พี่น้องลูกเมีย ” นายภูมิธรรม กล่าว

 

 

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *