สภาผู้บริโภคจี้นายกฯ เบรกประมูลคลื่น 29 มิ.ย. วอนโยนกฤษฎีกาตีความ หากยังนิ่ง
สอบ.จี้นายกฯ พิจารณาเรื่องคัดค้านประมูลคลื่น ก่อนเปิดประมูล 29 มิ.ย. หากไม่มีเวลาพิจารณาโยนกฤษฎีกาชี้ขาด เชื่อจบทันก่อนประมูลแน่ วอนฝ่ายค้านช่วยอีกแรง เพื่อรักษาผลประโยชน์ชาติ
16 พฤษภาคม 2568 – นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคมฯ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า จนถึงตอนนี้หนังสือที่ยื่นถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อคัดค้านการประมูลขึ้นความถี่ที่สภาผู้บริโภคยื่นไปยังไม่มีความคืบหน้าและเห็นความเคลื่อนไหวจากฝั่งของนายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด แต่ก็ยังแอบคิดว่านายกรัฐมนตรีอาจจะยังดูข้อมูลเรื่องนี้อยู่ซึ่งตนเองก็เป็นห่วงเพราะการประมูลจะเกิดขึ้นในวันที่29 มิถุนายนนี้แล้ว จึงอยากขอความเห็นใจและขอร้องให้นายกรัฐมนตรีหยิบเอาหนังสือร้องเรียนเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาก่อนหรือหากนายกรัฐมนตรีคิดว่า ไม่ได้มีอำนาจตรงในการพิจารณายับยั้งก็ควรจะส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความเพื่อทำเรื่องนี้ให้กระจ่างหาก เพราะห้วงเวลาหลังจากที่ได้ยื่นหนังสือไปเมื่อปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลานานแล้วควรจะให้หน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายเป็นคนตีความ และตนเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไรที่จะให้นายกดำเนินการหรือตัดสินใจเพราะหากนายกสนใจก็คงเร่งทำเรื่องนี้ไปนานแล้วไม่ปล่อยให้ยืดเยื้อมาจนถึงทุกวันนี้และใกล้เวลาที่จะมีการประมูล
เมื่อถามถึงเงื่อนไขที่เปิดโอกาสผู้เล่นรายใหม่ได้เข้ามาประมูล นางสาวสุภิญญากล่าวว่า เงื่อนไขที่ กสทช. กำหนดออกมาก็ไม่ได้เปิดให้ผู้เล่นหน้าใหม่ได้เข้ามาประมูลหรือเป็นเงื่อนไขที่มีโอกาสน้อยมาก ทั้งราคาตั้งต้นของคลื่นที่ต่ำเกินไป โดยที่มาของการคำนวณราคาขั้นต่ำโดยเฉพาะอย่างยิ่ง 2300 MHz ที่ไม่เคยมีการประมูลมาก่อนในประเทศไทย เมื่อเปรียบเทียบกับคลื่น 2100 ที่เป็นย่านใกล้เคียงกับกับมีราคาที่แตกต่างกันเกือบ 2,000 ล้านบาทในจำนวน 10 MHz
เรื่องงวดการชำระค่าคลื่นความถี่ที่เหมือนจะช่วยรายใหม่ โดยให้จ่ายค่าคลื่น 10 งวด (งวดละ 10%) แต่ก็ซ่อนเงื่อนไขว่าหากไม่สามารถดำเนินการขยายโครงข่ายตามที่กำหนดในข้อ 17 ได้ ต้องจ่าย 3 งวด (50%-25%-25%)
และ ประกาศข้อ 17 สอบถามความเห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาในตลาดรวมถึง เงื่อนไขที่กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดให้มีโครงข่ายโทรคมเพื่อการประกอบกิจการ เช่น ครอบคลุมไม่น้อยกว่า 50% ของจำนวนประชากรในแต่ละตำบล ภายใน 2 ปี
ปัจจุบันมีโอเปอร์เรเตอร์ อย่าง NT ที่มีสัดส่วนผู้ใช้งานและรายได้ในตลาดโทรศัพท์มือถือของไทยอยู่ที่ประมาณ 3% ก็อยากให้รักษาผู้เล่นรายเล็กให้ได้อยู่ในตลาดไปก่อนไม่ใช่มีแค่โอเปอร์เรเตอร์เจ้าใหญ่ ผูกขาดในตลาดแค่สองราย ซึ่งเงื่อนไขที่กำหนดมาอ่านจนจบก็ได้แต่ทำใจเพราะเป็นเงื่อนไขที่ตัดทอนผู้เล่นรายเล็กในตลาดอาจจะทำให้ไม่มีผู้เล่นรายใหม่หรือรายเดิมที่มีสัดส่วนน้อยอยู่ในตลาดโทรคมนาคมได้และสิ่งที่เห็นที่จะมีความหวังเดียวก็คือศาลปกครองหากมีการนำเรื่องนี้ไปสู่การฟ้องร้องและศาลปกครองพิจารณาตัดสินก็จะอาจเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะได้รับความเป็นธรรม
นางสาวสุภิญญา กล่าวทิ้งท้ายว่า ผลที่จะออกมาจะเป็นอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับการเมืองชุดนี้เพราะหลังจากที่มีการเลือกตั้งเสร็จสิ้นได้รัฐบาลใหม่ที่เข้ามาที่บอกว่าเป็นรัฐบาลจากประชาชนเหมือนจะเป็นคานดุลกับ กสทช. เพราะตลอดเก้าปีที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล ทหารและ คสช. ก็หมดความหวังไปมากกับการต่อสู้เรื่องนี้ ลำพังกำลังของสภาฯผู้บริโภค เสียงก็ไม่ได้ดังมากขนาดนั้นจึงหวังพึ่งมือของฝ่ายค้านในสภาให้ช่วยตรวจสอบและขับเคลื่อนเรื่องนี้และสิ่งสำคัญที่สุดอยากจะฝากสื่อมวลชนและสังคมให้จับตาและกระตุ้นเรื่องนี้เพราะถือเป็นเรื่องที่ประเทศไทยและคนไทยจะเสียผลประโยชน์ไม่ได้
อย่างไรก็ตาม อยากให้นายกรัฐมนตรีหยิบนำเรื่องนี้มาพิจารณาก่อนเพราะถือเป็นผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติที่จะได้รับผลประโยชน์
The post สภาผู้บริโภคจี้นายกฯ เบรกประมูลคลื่น 29 มิ.ย. วอนโยนกฤษฎีกาตีความ หากยังนิ่ง appeared first on .