หรือเป็นแผนสมคบคิด?
อยู่ยากครับ…
มองเผินๆ คิดว่ารัฐบาลแพทองธารคงอยู่ได้อีกสักพัก
แต่ลึกลงไปสถานการณ์ของรัฐบาลแค่ประคองตัวยังลำบาก เพราะสารพันปัญหารุมเร้าเข้ามาในช่วงเวลาเดียวกัน จนยากที่นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดจะรับมือได้
เช่นเดียวกับ สทร.-เสือกทุกเรื่อง “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ต้องเอาตัวรอดจากการกลับไปติดคุก
จึงต้องหาวิธีสร้างฮีโร่ขึ้นมา!
งานนี้ไม่ง่ายครับ เพราะอยู่เหนือการควบคุม การตัดสินใจว่าจะหนีหรือไม่หนีจึงยากมาก เพราะหากผลออกมาเป็นลบ ไม่ลบเฉพาะตัวเอง แต่จะลากคนสมรู้ร่วมคิดติดคุกไปด้วย
สัปดาห์ที่แล้วนอกจากข่าวเรื่องเขมรอยากได้ดินแดนไทยแล้ว ยังมีข่าว “ทักษิณ” อยากได้เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในโควตาของพรรคภูมิใจไทยด้วย
ข่าวปรับคณะรัฐมนตรีถูกปั่นโดย “ทักษิณ” ซึ่งเป็นเรื่องน่าอับอายของพรรคเพื่อไทย
ลองใครพูดเรื่องปรับ ครม. นักการเมืองในพรรคเพื่อไทยจะบอกว่าเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี แต่พอ “ทักษิณ” พูด บรรดา สส.ในคอกเงียบกริบ ไม่เห็นแย้งว่าเป็นอำนาจของนายกฯ
มีข่าวว่า “อนุทิน ชาญวีรกูล” จะถูกโยกไปเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุข บ้าง ศึกษาธิการ บ้าง คมนาคม บ้าง แล้วแต่คนปล่อยข่าวอยากให้ไปทางไหน
แต่ในทางการเมืองยากครับที่พรรคภูมิใจไทยจะยกเก้าอี้ มท.๑ ให้พรรคเพื่อไทย
วันเสาร์ที่ผ่านมา “อนุทิน” พูดเรื่องนี้ชัดเจน
“…มันเขย่าไม่ได้ เพราะเป็นรัฐบาลผสมที่ตกลงกันตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาลกับนายกฯ เศรษฐา และยังคงรูปแบบเดิมมาถึงรัฐบาลแพทองธาร…”
“…พรรคภูมิใจไทยไม่ได้เดินไปขอร่วมรัฐบาล…เพื่อไทยเชิญมาเองตั้งแต่กินช็อกมินต์ จำได้ไหม?…”
มันมีเหตุผลที่ “อนุทิน” จะไม่แลกเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกับเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงอื่น อาจรวมถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
ประการแรก น้อยครั้งที่หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลนั่งว่าการกระทรวงเกรดเอ ถูกปรับไปนั่งกระทรวงอื่น แม้จะเป็นกระทรวงเกรดเอเหมือนกัน มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรี
แต่กรณี “อนุทิน” มันมีมากกว่านั้น
ความระหองระแหงระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย นำไปสู่การตอบโต้ที่ขับเคลื่อนด้วยหน่วยงานราชการในสังกัด
กรณีเขากระโดง กับสนามกอล์ฟอัลไพน์ สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ชัดเจนที่สุด
กรมที่ดิน กับการรถไฟแห่งประเทศไทย ซดเกาเหลากันมันหยด
ขุดแง่มุมกฎหมายมายืนยันฝ่ายการเมืองที่คุมกระทรวงเป็นฝ่ายถูกต้อง
ทั้งๆ ที่อยู่ในรัฐบาลเดียวกัน
ประเด็นนี้ไม่ใช่เล่นๆ นะครับ หาก “อนุทิน” ยอมลุกจากเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย จะต้องมีเงื่อนไขที่สุดพิเศษจากพรรคเพื่อไทยจริงๆ
การทวนความจำเรื่อง “ช็อกมินต์” จึงเป็นการบอกพรรคเพื่อไทยกลายๆ ว่า จะถอนตัวออกจากรัฐบาลเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะมิได้เป็นฝ่ายกระสันอยากร่วมรัฐบาลตั้งแต่แรก
มันจึงเป็นงานยากสำหรับ นายกฯ แพทองธาร ที่ต้องรอโพย ขณะที่คนส่งโพยยังต้องเอาตัวรอดเช่นกัน
นึกภาพ พรรคภูมิใจไทย ไม่ได้คุมกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้คุมกรมที่ดิน ขณะที่พรรคเพื่อไทยกลับมารุกประเด็นเขากระโดง
นั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ “อนุทิน” จะไม่ลุกจากเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเด็ดขาด
เช่นเดียวกัน ไม่มีทางที่พรรคเพื่อไทยจะยอมเสียเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้พรรคภูมิใจไทยอย่างแน่นอน
นี่แค่มิติเดียวที่ทำให้เห็นว่าอำนาจต่อรองของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เหนือไปกว่าพรรคภูมิใจไทย ยังไม่นับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ลูกผีลูกคนกำลังถูกแบ่งเป็น ๒ ก๊ก
ก๊กหนึ่งจะอยู่ร่วมรัฐบาลต่อ
อีกก๊กต้องไปเป็นฝ่ายค้าน
เสถียรภาพของรัฐบาลจึงดูง่อนแง่นหากพรรคเพื่อไทย คิดไม่เป็น ยอมทำตามสิ่งที่ “ทักษิณ” ต้องการทั้งหมด
เรื่องเขมร เป็นอีกหนึ่งเรื่องใหญ่ ที่อาจเกิดผลลัพธ์ทั้งด้านลบและด้านบวกกับรัฐบาลแพทองธาร
ด้านลบอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ คือเดินตามก้นเขมร ๑ ก้าวเสมอ
แต่ด้านบวกน่าสนใจกว่า
หลายคนคงสงสัยว่า มันจะเกิดขึ้นได้จริงหรือ
เกิดขึ้นได้ครับ!
หากมีการสมคบคิดกันระหว่าง ๒ รัฐบาล
ผลลัพธ์คือวิน-วินทั้งคู่ ได้ประโยชน์ไปทั้ง ๒ ฝ่าย
แต่มีเงื่อนไขว่า ประชาชนตามไม่ทัน
ขณะนี้การเมืองภายในเขมรระส่ำพอควร
รัฐบาลฮุน มาเนต ถูกจับตาเรื่องการคอร์รัปชัน มีการประท้วงของชาวกัมพูชามาเป็นระยะๆ เรียกร้องให้ยึดทรัพย์ฮุน เซนทั้งตระกูล
นับแต่อดีตทุกครั้งที่รัฐบาลมีความนิยมตกต่ำลง “ฮุน เซน” จะใช้วิธีปั่นกระแสคลั่งชาติ สร้างข้อพิพาทกับไทยบ้างเวียดนามบ้าง ซึ่งก็ได้ผล
กรณีเผาสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญ เมื่อปี ๒๕๔๖ เกิดขึ้นแบบไม่น่าเกิด แต่เพราะการปั่นกระแสคลั่งชาติ สร้างความเกลียดชังไทย การเผาสถานทูตไทย ทำคะแนนนิยมในตัว “ฮุน เซน” เพิ่มขึ้น
เช่นเดียวกับ “ทักษิณ” เกิดกระแสชื่นชมราวกับฮีโร่ หลังส่ง C-130 พร้อมทหารไปช่วยอพยพคนไทย
เหตุการณ์ทำนองนี้จะซ้ำรอยหรือไม่?
ในขณะที่รัฐบาลแพทองธาร กำลังง่อนแง่น “ทักษิณ” จะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้ รัฐบาลฮุน มาเนตก็อ่วมไม่แพ้กัน เจอม็อบรายวัน เรียกร้องให้ตระกูลฮุนลงจากตำแหน่ง
การสมคบคิดมันก็เกิดขึ้นได้
แม้จะไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่พฤติกรรมของ “ฮุน เซน” และ “ทักษิณ” ดูไม่น่าไว้วางใจ
ถ้าเข้าใจคำว่า “สถานการณ์สร้างฮีโร่” ใช่แล้วครับ มีบางคนกำลังทำให้เกิดอยู่
“ฮุน เซน” นำร่องไปแล้ว จะไปศาลโลก ได้ใจชาวกัมพูชาไปเยอะพอสมควร
“ทักษิณ” กับลูกสาว พลาดในช่วงต้น ซึ่งอาจตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น เพื่อโกยคะแนนทีหลัง
ครับ…หลังปิดด่าน วางแผนไว้ ๔ ระดับ พ่วงไปกับการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งเขมร ตัดไฟฟ้า ตัดอินเทอร์เน็ต รวมทั้งกาสิโน การค้ามนุษย์ รัฐบาลไทยดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย
แต่งานยากคือ จะทำให้เข้าใกล้สถานการณ์เหมือนที่เผาสถานทูตไทยได้อย่างไร
หากมีคนสมคบคิดทำเรื่องนี้ขึ้นมา ประชาชนต้องตามให้ทัน
อย่าให้อภัยเด็ดขาด!
The post หรือเป็นแผนสมคบคิด? appeared first on .