อนุสรณ์ ชี้ถึงเวลาไทยโกยหาประโยชน์ช่วงสหรัฐเปิดศึกการค้ากับจีน

20 เม.ย. 2568 รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ปริมาณและมูลค่าการค้าโลกปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวติดลบจากสงครามกำแพงภาษีนำเข้า การหดตัวของมูลค่าการค้าโลกในปีนี้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาษีตอบโต้ทางการค้ามากที่สุด หากไม่มีสงครามการค้าในปีนี้ มูลค่าการค้าโลกจะขยายตัวได้ 2.7% ตามการคาดการณ์ขององค์การค้าโลก อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการขยายของภาคส่งออกไทยในไตรมาสสองจะขยายตัวเป็นบวกจากการเร่งการส่งออกก่อนมาตรการภาษีตอบโต้จะมีผลในอีก 90 วันข้างหน้า 

การเร่งส่งออกในช่วงนี้ทำให้มีการขยายกำลังการผลิตเพิ่ม โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เช่น ข้าว มีออเดอร์เพิ่ม 2-3 เท่า สินค้าส่งออกไทยส่วนหนึ่งจะไปทดแทนสินค้าจีนที่โดนภาษีในอัตราสูงถึง 145% อย่างไรก็ตาม การขยายกำลังการผลิตของโรงงานบางส่วนอาจมีข้อจำกัดในการเข้าถึงสินเชื่อ ขณะเดียวกัน สินค้าส่งออกไทยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าเงินบาทในช่วงนี้ทำให้ความสามารถในการแข่งขันด้านราคาด้อยลง ประกอบกับ ผู้นำเข้าสหรัฐฯกดราคารับซื้อสินค้าไทยจากความไม่แน่นอนของภาษีนำเข้า และ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉพาะการแข็งค่าของเงินบาทอย่างรวดเร็ว    

รศ.ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เรือสินค้าเดินทางจากไทยไปท่าเรือชายฝั่งตะวันออกสหรัฐฯใช้เวลาเดินทาง 35-40 วัน ฉะนั้นผู้ประกอบการส่งออกไทยที่ไม่ต้องการถูกเก็บภาษี 10% ต้องเอาสินค้าขึ้นเรือโดยเร็วและสินค้าต้องถึงสหรัฐฯก่อน 27 พฤษภาคม แม้นสินค้าจะยังไม่โดนกำแพงภาษีแต่จะเผชิญกับการถูกกดราคาจากผู้นำเข้าในสหรัฐฯอย่างแน่นอน อีกทั้งข้อมูลสำคัญที่รัฐบาลไทยต้องรู้ก่อนไปเจรจาต่อรองทางการค้ากับสหรัฐฯ คือ ยอดตัวเลขส่งออกของไทยที่จีนสวมสิทธิส่งออกไปสหรัฐฯเป็นเท่าไหร่กันแน่??? การไม่มีข้อมูลแน่ชัดเรื่องการสวมสิทธิของจีนในภาคส่งออกไทยย่อมเสียเปรียบในการเจรจากับสหรัฐฯ และ การสวมสิทธิเหล่านี้ไม่น่าจะน้อย ดูจากมูลค่าส่งออกที่เพิ่มสูงมากในช่วงที่ผ่านมาไม่สอดคล้องกับตัวเลขการผลิตเพื่อการส่งออก เท่ากับว่า การส่งออกจากไทยบางส่วนเป็นเพียงทางผ่านของสินค้าจีนเท่านั้น  

ส่วนข้อเรียกร้องของสหรัฐฯให้ไทยเปิดเสรีภาคการเงินและประกันภัย ภาคโทรคมนาคมและภาคบริการอื่นๆเพิ่มเติมนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคและผู้ใช้บริการชาวไทย รัฐบาลไทยควรตอบสนองต่อข้อเรียกร้องดังกล่าวและนำไปประเด็นในการต่อรองกับสหรัฐฯได้ การเปิดเสรีภาคบริการจะทำให้อำนาจผูกขาดในธุรกิจอุตสาหกรรมเหล่านี้ลดลงในโครงสร้างเศรษฐกิจไทย เพิ่มการแข่งขัน ค่าบริการถูกลงและประชาชนมีทางเลือกมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ ภายใต้โครงสร้างเศรษฐกิจการเมืองไทย ณ. ขณะนี้ การเปิดเสรีจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆและอาจไม่ใช่ประเด็นที่รัฐไทยจะนำไปต่อรองกับกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐฯก็ได้  

รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวต่อว่า ขณะนี้ รัฐบาลทรัมป์ประกาศจะเก็บค่าธรรมเนียมเรือสินค้าของจีน การเก็บค่าธรรมเนียมอาจกระทบกับสินค้าไทยที่ใช้บริการเรือของจีนในการขนส่งสินค้า ขณะที่เพิ่มโอกาสอุตสาหกรรมต่อเรือในสหรัฐฯและธุรกิจเดินเรือของชาติอื่นในเอเชีย ท่ามกลางสงครามการค้าสหรัฐ-จีน การย้ายฐานการผลิตของบรรษัทข้ามชาติที่ใช้จีนเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกจะเกิดขึ้น ไทยต้องช่วงชิงโอกาสจากการย้ายฐานการผลิตครั้งใหญ่นี้เช่นเดียวที่เคยมีการย้ายฐานการผลิตครั้งใหญ่หลังข้อตกลง Plaza Accord ระหว่างสหรัฐฯกับญี่ปุ่น การตอบโต้กำแพงภาษีระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่ระดับ 125% ต่อ 145% ย่อมทำให้การค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯอาจหยุดชะงักลงได้ สร้างผลเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯและทั่วโลก เงินเฟ้อและค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น จึงเริ่มมีการส่งสัญญาณจากสหรัฐฯในการหยุดเพิ่มกำแพงภาษีเพิ่มเติม มีความเป็นไปได้มากขึ้นในการทบทวนการปรับขึ้นกำแพงภาษีต่อจีน หากไทยวางตัวเหมาะในสมรภูมินี้และสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง จะสามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ดึงดูดทั้งเงินทุน เทคโนโลยี และบุคลากรเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมนวัตกรรมให้ก้าวหน้าได้ โดยเฉพาะการมียุทธศาสตร์และแผนงานชัดเจนในการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีความรู้ความสามารถ ที่อาจย้ายออกนอกสหรัฐฯ อย่างน้อยในช่วงสี่ปีที่รัฐบาลทรัมป์บริหารประเทศแบบไม่เป็นมิตรต่อชาวต่างชาติมากนัก และ ยังมีสไตล์การบริหารประเทศแบบอำนาจนิยม 

รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวต่อว่า สงครามกำแพงภาษีทำเทคโนโลยีเกิดใหม่ชะงัก นวัตกรรมและเทคโนโลยีแบ่งออกเป็นสองค่ายชัดเจน แทนที่จะหลอมรวมกันเพื่อประโยชน์ร่วมกันในการพัฒนาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ ภาวะดังกล่าวจะกระทบสตาร์ทอัพและกองทุนร่วมเสี่ยง VC รุนแรง   ความผันผวนนี้ผลักดันให้ กองทุนร่วมเสี่ยง VC ต้องกระจายความเสี่ยงออกจาก จีน และ สหรัฐฯ มากขึ้น  หาก อาเซียน สามารถวางยุทธศาสตร์และนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศได้ดีพอและสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) ที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรม  ก็จะสามารถดึงดูดเม็ดเงินและความร่วมมือจากทั้งจีนและสหรัฐฯได้ สร้างโอกาสมหาศาลให้กับสตาร์ทอัพ (startups) และ VC ในภูมิภาคได้เช่นเดียวกัน ความพยายาม Re-shoring อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ของสหรัฐฯ พร้อมกับการทุ่มลงทุนมหาศาลในเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ ตลอดจน นโยบายฟื้นฟูอุตสาหกรรมการผลิตดั้งเดิมในเขตพื้นที่ตอนกลางของประเทศ อาจทำให้เม็ดเงินไหลเข้าสหรัฐฯ  และลดโอกาสของกองทุนร่วมเสี่ยง VC ในการลงทุนสตาร์ทอัพ ในไทย สตาร์ทอัพในไทยและอาเซียนต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและปัญหาการระดมทุนอย่างแน่นอน  

The post อนุสรณ์ ชี้ถึงเวลาไทยโกยหาประโยชน์ช่วงสหรัฐเปิดศึกการค้ากับจีน appeared first on .

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *