‘อเมริกากลับมาแล้ว’ : สุนทรพจน์ของทรัมป์ท่ามกลางความแตกแยกในรัฐสภา
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวสุนทรพจน์ต่อสมาชิกรัฐสภา ในการประชุมร่วมกันที่อาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 4 มีนาคม (Photo by Win McNamee / POOL / AFP)
โดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่า “อเมริกากลับมาแล้ว” ในสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาครั้งแรกนับตั้งแต่กลับคืนสู่อำนาจ โดยยกย่องนโยบายสุดโต่งของเขาท่ามกลางความขัดแย้งที่รุนแรงกับพรรคเดโมแครต และใช้โอกาสนี้ประกาศความก้าวหน้าในสงครามยูเครน
สุนทรพจน์ของทรัมป์ที่กล่าวต่อสมาชิกรัฐสภานั้นถือว่าใช้เวลานานที่สุดในประวัติศาสตร์ของประธานาธิบดี โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง 40 นาที และถูกตั้งชื่อว่า “ความฝันแบบอเมริกันที่ไม่อาจหยุดยั้งได้”
สุนทรพจน์ครั้งนี้ทำลายสถิติของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตันที่เคยกล่าวในการแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาเมื่อปี 2000
ทั้งนี้ เนื้อหามีการยกย่องอีลอน มัสก์ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ผู้สั่นคลอนระบบราชการของรัฐบาลกลางอย่างน่าหมั่นไส้ และการประกาศว่ารัฐบาลทรัมป์ 2.0 นั้นเพิ่งจะเริ่มต้น
สมาชิกพรรครีพับลิกันปรบมืออย่างกึกก้องแทบทุกประโยค รวมถึงสองครั้งที่ทรัมป์ยกย่องอีลอน มัสก์ซึ่งมาเข้าร่วมประชุมในรัฐสภาด้วยเช่นกัน
แต่การประท้วงก็เริ่มขึ้นภายในไม่กี่นาทีหลังสุนทรพจน์ดำเนินไป
อัล กรีน สมาชิกรัฐสภาจากพรรคเดโมแครตถูกเชิญออกจากที่ประชุม เพราะเขาไม่ยอมหยุดตะโกนด่าทรัมป์เรื่องโครงการดูแลสุขภาพ รวมทั้งพฤติกรรมโบกไม้เท้าใส่ประธานาธิบดี
ขณะที่สมาชิกพรรคเดโมแครตคนอื่นๆ ชูป้ายประท้วงอย่างเงียบๆ พร้อมข้อความว่า “เท็จ”, “มัสก์หัวขโมย” และ “นั่นเป็นเรื่องโกหก!”
และมีอยู่ช่วงหนึ่งที่สมาชิกพรรคเดโมแครตจำนวนมากตะโกนว่า “6 มกราคม!” ใส่ทรัมป์ โดยอ้างถึงเหตุการณ์ที่ผู้สนับสนุนของเขาบุกโจมตีรัฐสภาในปี 2021 ภายหลังการปฏิเสธความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งต่อโจ ไบเดน
ถึงกระนั้นประธานาธิบดีวัย 78 ปีกลับไม่หวั่นไหว และยังคงกล่าวชื่นชมกับช่วงเวลา 6 สัปดาห์แรกในการกลับมาของตนเอง รวมทั้งสาบานว่าจะเดินหน้าต่อไปด้วยความพยายามอย่างไม่ลดละ เพื่อปรับโครงสร้างรัฐบาลสหรัฐฯ และยุติสงครามยูเครน ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม
สุนทรพจน์ของเขาดำเนินไปในลักษณะการปราศรัยหาเสียงมากกว่าการกล่าวแถลงต่อประเทศชาติ โดยทรัมป์ไม่ได้พยายามเข้าถึงฝ่ายตรงข้ามเลย และบางช่วงก็ล้อเลียนพวกเขาเหมือนไม่ให้ความสำคัญ
ท่ามกลางเสียงเชียร์จากสมาชิกพรรครีพับลิกันในรัฐสภาที่มีมากกว่า ทรัมป์ประกาศว่าสงครามของเขากับโครงการความหลากหลายและสิทธิของบุคคลข้ามเพศนั้น จะยุติการตื่นรู้ (Woke) ของประเทศลงเพียงเท่านึ้
เขายังอ้างว่าเขากำลังพยายามแก้ไขหายนะทางเศรษฐกิจ แม้ในความเป็นจริงรัฐบาลของเขาได้สืบทอดฐานอันแข็งแกร่งที่สุดในโลกมาจากโจ ไบเดน อดีตประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตก็ตาม
เขาปกป้องการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่ใช้นโยบายสุดโต่งในการทำสงครามการค้ากับแคนาดา, จีน และเม็กซิโก ซึ่งกลายเป็นแรงกระตุ้นให้ตลาดโลกเกิดความวิตกกังวล
“เราถูกเอาเปรียบมาหลายทศวรรษจากเกือบทุกประเทศในโลก” ทรัมป์กล่าว
หลังจากมีคำเตือนมากมายว่านโยบายขึ้นภาษีศุลกากรจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและผู้ส่งออกของสหรัฐฯ อย่างรุนแรง ทรัมป์ก็ยอมรับตามนั้นว่าภาษีศุลกากรจะสร้างความวุ่นวายจริง แต่เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ทรัมป์อ้างตัวเลขของอาชญากรรมที่กระทำโดยผู้อพยพ และให้คำมั่นว่าจะทำสงครามกับกลุ่มค้ายาของเม็กซิโก แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ สมาชิกรัฐสภาของพรรคเดโมแครตหลายสิบคนก็เดินออกจากที่ประชุมไปแล้ว ขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกันยังคงส่งเสียงปรบมืออย่างกึกก้องหลังสิ้นสุดการแถลง
ทรัมป์กำลังผลักดันการขยายอำนาจของประธานาธิบดีให้เกินขีดจำกัด โดยมั่นใจในคะแนนนิยมที่หนุนหลังตนเอง รวมทั้งเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาที่พรรครีพับลิกันควบคุมอยู่ก็ทำตามคำสั่งของเขา
ด้วยความช่วยเหลือของอีลอน มัสก์ ทรัมป์ได้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าระบบราชการของรัฐบาลกลาง, ไล่ออกเจ้าหน้าที่หลายพันคน, ปิดหน่วยงานทั้งหมดที่ผลาญงบ และหยุดความช่วยเหลือที่มีต่อหน่วยงานในต่างประเทศ
“ยุคแห่งการปกครองโดยข้าราชการที่ไม่ได้รับการเลือกตั้งได้สิ้นสุดลงแล้ว” ทรัมป์ประกาศกร้าว
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจความคิดเห็นของชาวอเมริกันในช่วงแรกๆ บ่งชี้ว่าการตัดงบประมาณครั้งใหญ่ของทรัมป์และความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อกำลังส่งผลกระทบต่อความนิยมของเขา
ในประเด็นโลก ทรัมป์ได้พลิกโฉมนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ในสงครามยูเครนด้วยการเปลี่ยนจุดยืนไปหนุนรัสเซีย ซึ่งทำให้ยูเครนและพันธมิตรต่างงงไปตามๆกัน
ไม่กี่วันหลังจากมีการทะเลาะกับโวโลดีมีร์ เซเลนสกีในห้องทำงานรูปไข่ ทรัมป์กล่าวว่าผู้นำยูเครนพร้อมแล้วสำหรับการเจรจากับรัสเซียและลงนามข้อตกลงแร่ธาตุกับสหรัฐฯ
“ผมได้รับจดหมายสำคัญจากประธานาธิบดีเซเลนสกีแห่งยูเครน จดหมายระบุว่ายูเครนพร้อมที่จะเข้าร่วมโต๊ะเจรจาโดยเร็วที่สุดเพื่อนำสันติภาพที่ยั่งยืนมาสู่ประเทศ” ทรัมป์กล่าว
เขายังย้ำคำมั่นสัญญาที่ก่อให้เกิดข้อโต้แย้งในประเด็นการยึดคืนคลองปานามา และยึดกรีนแลนด์คืนจากเดนมาร์กให้ได้ ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง
และแม้จะเป็นเสียงข้างน้อย พรรคเดโมแครตก็กำลังพยายามอย่างหนักด้วยการสร้างกระแสข่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโต้กลยุทธ์การเมืองของทรัมป์ และช่วงชิงพื้นที่วงจรข่าวไม่ให้พรรครีพับบลิกันกินรวบอยู่ฝ่ายเดียว.
The post ‘อเมริกากลับมาแล้ว’ : สุนทรพจน์ของทรัมป์ท่ามกลางความแตกแยกในรัฐสภา appeared first on .