‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์’ มีคำตอบให้! ‘พิธา’ ไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูเพื่อไทย
21 พ.ย.2567 – เอ็ดดี้-อัษฎางค์ ยมนาค อินฟลูเอ็นเซอร์การเมือง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูกับเพื่อไทย อัษฎางค์ ยมนาค มีคำตอบให้
ความสัมพันธ์ระหว่าง พรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย เปลี่ยนแปลงจากพันธมิตรเป็นคู่ขัดแย้งในทางการเมืองปัจจุบันด้วยหลายปัจจัย ทั้งในเชิงอุดมการณ์ นโยบาย และกลยุทธ์ทางการเมือง สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความขัดแย้งสามารถสรุปได้ดังนี้:
1. ความแตกต่างด้านอุดมการณ์และเป้าหมายทางการเมือง
พรรคก้าวไกล
• มีอุดมการณ์ที่ชัดเจนในการผลักดันความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เช่น การปฏิรูปสถาบันหลักของประเทศ (รวมถึงกฎหมายมาตรา 112) การปฏิรูปกองทัพ และการลดอำนาจกลุ่มชนชั้นนำ
• เน้นสร้างความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและรุนแรงในโครงสร้างอำนาจเดิม เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำ
พรรคเพื่อไทย
• แม้จะมีภาพลักษณ์ที่เน้นประชาธิปไตย แต่เป้าหมายหลักมุ่งเน้นการรักษาฐานเสียงและบริหารจัดการเศรษฐกิจ
• เน้นการปรับตัวเพื่อรักษาอำนาจในระบบ และหลีกเลี่ยงการปะทะกับชนชั้นนำและโครงสร้างอำนาจเดิมในระดับที่รุนแรง
ความแตกต่างในระดับนี้ทำให้พรรคเพื่อไทยมองพรรคก้าวไกลว่า “ก้าวร้าว” และมีแนวทางที่อาจก่อให้เกิดความไม่มั่นคง ขณะที่พรรคก้าวไกลมองพรรคเพื่อไทยว่า “อนุรักษ์นิยม” มากเกินไปและไม่กล้าผลักดันการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง
2. การจัดตั้งรัฐบาลและผลประโยชน์ทางการเมือง
• หลังการเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจับมือกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วม โดยพรรคก้าวไกลในฐานะพรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดเสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี
• อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยตัดสินใจถอนตัวจากพันธมิตร เนื่องจากความขัดแย้งเกี่ยวกับนโยบายการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 และการไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรี
• พรรคเพื่อไทยหันไปร่วมมือกับพรรคการเมืองอื่น รวมถึงพรรคที่เคยเป็นฝ่ายตรงข้าม (เช่น พรรคพลังประชารัฐ) เพื่อตั้งรัฐบาลใหม่ นำไปสู่การถูกมองว่า “ทรยศ” ต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตยและการเปลี่ยนแปลง
ผลลัพธ์นี้ทำให้ฐานเสียงของพรรคก้าวไกลมองพรรคเพื่อไทยว่าเป็น “ศัตรูทางอุดมการณ์” เพราะเลือกที่จะประนีประนอมกับอำนาจเดิมแทนที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง
3. การแข่งขันฐานเสียงและการแย่งชิงบทบาทผู้นำประชาธิปไตย
• ทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยต่างแย่งชิงการเป็นตัวแทนของฝ่ายประชาธิปไตยในสังคมไทย
• พรรคก้าวไกลสร้างฐานเสียงใหม่ในกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอย่างแท้จริง
• พรรคเพื่อไทยยังคงมีฐานเสียงที่เหนียวแน่นในกลุ่มชนชั้นรากหญ้าและผู้สูงอายุในชนบท แต่ความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ลดลง
• ความขัดแย้งในเชิงนโยบายและแนวทางการเมืองจึงนำไปสู่การแข่งขันที่รุนแรงระหว่างสองพรรค
4. ความไม่ไว้วางใจและการสร้างภาพลักษณ์ในสื่อ
• ฐานเสียงของพรรคก้าวไกลมองว่าพรรคเพื่อไทยเลือกประนีประนอมกับ “ระบอบอำนาจเก่า” และทรยศต่อประชาชนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง
• พรรคเพื่อไทยและผู้สนับสนุนมองว่าพรรคก้าวไกลมีแนวทางที่เสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ และใช้นโยบายที่อาจขัดแย้งกับสถาบันหลักของชาติ
• สื่อสังคมออนไลน์มีบทบาทสำคัญในการขยายความขัดแย้งระหว่างทั้งสองพรรค โดยการสร้างวาทกรรมที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายมองกันเป็นศัตรู
5. การเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์ของพรรคเพื่อไทย
• พรรคเพื่อไทยเคยถูกมองว่าเป็นพรรคที่ท้าทายโครงสร้างอำนาจเดิมในยุครัฐบาลทักษิณ แต่ในปัจจุบัน พรรคเพื่อไทยเลือกที่จะประนีประนอมและเข้าร่วมกับพรรคที่เป็นตัวแทนของระบอบอำนาจเก่า เช่น พรรคพลังประชารัฐ
• การตัดสินใจนี้ถูกมองว่าเพื่อรักษาอำนาจทางการเมืองในระยะสั้น แต่กลับทำลายภาพลักษณ์ในระยะยาว โดยเฉพาะในสายตาผู้สนับสนุนประชาธิปไตย
ข้อสรุป ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนแปลงจากพันธมิตรเป็นศัตรู เนื่องจากความแตกต่างในอุดมการณ์ นโยบาย และผลประโยชน์ทางการเมือง การแข่งขันเพื่อเป็นผู้นำในกลุ่มประชาธิปไตยยิ่งทำให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพรรคเพื่อไทยเลือกเส้นทางที่ฐานเสียงของพรรคก้าวไกลมองว่าเป็นการทรยศต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตย
ในอนาคต ความสัมพันธ์ระหว่างสองพรรคนี้จะยังคงถูกกำหนดโดยปัจจัยเหล่านี้ และอาจขึ้นอยู่กับวิธีที่ทั้งสองพรรคปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในระยะยาวครับ
The post ‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์’ มีคำตอบให้! ‘พิธา’ ไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูเพื่อไทย appeared first on .