Soft Powerไทยจะได้ที่หนึ่งของโลก?????
ประเทศ เขาก็ดำเนินยุทธศาสตร์ด้าน Soft Power ได้ดีกว่าประเทศไทยเราหลายเท่า ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะคนที่ทำหน้าที่ในการวางยุทธศาสตร์และดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของเขามีความเข้าใจเรื่อง Soft Power ได้ถูกต้อง จึงกำหนดยุทธศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ขนาดเกาหลีทำมาก่อนเราหลายปี และมียุทธศาสตร์ที่ดีกว่าเรา เขายังไต่ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 15 เลย ดังนั้น เรามาหาทางวางยุทธศาสตร์ Soft Power ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลกันดีกว่าที่จะมาพูดจาคุยโม้โอ้อวดให้คนเขาหัวเราะด้วยความหมั่นไส้
ก่อนอื่น คนที่ทำหน้าที่ด้าน Soft Power ควรจะเข้าใจให้ถ่องแท้ก่อนว่า Soft Power เป็น “ยุทธศาสตร์” ไม่ใช่สิ่งของที่จับต้องได้ หรือเรื่องราวบางอย่างที่จับต้องไม่ได้ เป็นยุทธศาสตร์ในการสร้างเสน่ห์ให้แก่ประเทศ โดยใช้ทุน (Capital) หรือ สินทรัพย์ (Asset) ด้านต่างๆ ที่ประเทศของเรามี ทั้ง “ที่จับต้องได้” และที่ “จับต้องไม่ได้” เป็นเนื้อหาของยุทธศาสตร์ โดยในการดำเนินการนั้นจะมุ่งเป้าไปที่การทำให้คนในระดับนานาชาติ “ได้รู้” สิ่งที่เป็นทุนหรือเป็นสินทรัพย์ของเรา แล้วเกิดความชื่นชอบ ชื่นชม อยากมาพบอยากมาเจอ อยากมาสัมผัส ถ้าหากเราดำเนินยุทธศาสตร์ด้าน Soft Power ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ผู้คนในระดับนานาชาติก็จะชื่นชมสิ่งที่ประเทศไทยเรามี และพวกเขาก็จะมาเยือนประเทศไทย มาเที่ยว มากิน มาใช้ มาดู มาสัมผัส มาหาประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราใช้เป็นทุนในการดำเนินยุทธศาสตร์ Soft Power ทำให้การดำเนินยุทธศาสตร์ของเราสามารถสร้าง Economic Power หรือพลังด้านเศรษฐกิจ
Professor Nye แห่งมหาวิทยาลัย Harvard ผู้ให้กำเนิดของ Soft Power เป็นคนที่เล็งเห็นว่าการจะทำให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกทำตามประเทศใดประเทศหนึ่งด้วยการใช้ Hard Power ในรูปแบบของการใช้อาวุธ หรือการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ล้าสมัย สมควรที่จะยกเลิก แล้วหันมาใช้ยุทธศาสตร์ Soft Power แทน ในเบื้องต้น “ทุน” ของการดำเนินยุทธศาสตร์ Soft Power ของ Professor Nye ประกอบด้วย วัฒนธรรม แนวคิดทางด้านการเมือง และนโยบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ นั่นหมายความว่าประเทศใดมีวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง มีเสน่ห์น่าค้นหา มีระบอบการปกครองที่ดี มีจุดยืนทางการเมืองที่สดใส และมีนโยบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีงาม ประเทศนั้นถือได้ว่ามียุทธศาสตร์ Soft Power ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยที่สิ่งเหล่านี้จะต้องดำเนินไปอย่างแยบยล โดยไม่ต้องไปประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าเรากำลังจะใช้ทุนอะไร สินทรัพย์อะไรของประเทศในการดำเนินยุทธศาสตร์ Soft Power
หลังจากการเกิด Soft Power ของ Professor Nye หลายประเทศก็เปลี่ยนจากการใช้ Hard Power ในการบังคับขู่เข็ญด้วยอาวุธหรือกลยุทธ์ทางการค้า หันมาใช้ยุทธศาสตร์ Soft Power โดยมีการใช้ทุนและสินทรัพย์ของประเทศมาเป็นสาระในการดำเนินยุทธศาสตร์มากขึ้น นอกเหนือจากประวัติศาสตร์ อุดมการณ์ทางการเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เช่น ความงามธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ สินค้าที่มีฐานมาจากวัฒนธรรม สินค้าที่แสดงอัตลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศ คุณสมบัติที่สำคัญของสิ่งที่ประเทศต่างๆ ใช้เป็นทุนในการดำเนินยุทธศาสตร์ Soft Power ก็คือ มีความเป็นเอกลักษณ์ประจำชาตินั้นๆ และมีศักยภาพที่จะเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในประเทศอื่นๆ ในระดับโลกาภิวัตน์ และยุทธศาสตร์ของ Soft Power ก็มีหลากหลาย ตั้งแต่การประพฤติปฏิบัติตนของคนในชาติที่ทำให้คนชาติอื่นมองเห็นเป็นเสน่ห์ที่น่าชื่นชม น่าคบหาสมาคมด้วย และการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้และการชื่นชม เป็นการสื่อสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ สอดแทรกเรื่องราวของทุนและสินทรัพย์ที่มีด้วยภาพยนตร์บ้าง ละครบ้าง สารคดีบ้าง โฆษณาบ้าง ข่าวสารบ้าง การสร้างเรื่องราวเพื่อเผยแพร่ในช่องทางต่างๆ ของสื่อดิจิทัลบ้าง หรือการจัดกิจกรรมพิเศษต่างๆ รวมทั้งงานเทศกาลบ้าง ทั้งหมดนี้เป็นการกระทำแบบ Organic คือเป็นของจริงที่ไม่ต้องป่าวประกาศให้ชาวโลกเขารู้ว่าสิ่งต่างๆ นานาที่เราทำนี้เป็นการดำเนินการยุทธศาสตร์ Soft Power การกระทำเช่นนั้น มันไม่แนบเนียน และจะไม่มีประสิทธิผล
ประเทศไทยเรามีทรัพยากรที่เป็นทุน เป็นสินทรัพย์ให้เราใช้เป็นเนื้อหาในการดำเนินยุทธศาสตร์ Soft Power มากมาย ทั้งวัฒนธรรมในมิติต่างๆ สินค้า OTOP ของท้องถิ่น สินค้าเชิงวัฒนธรรม CPOT (Cultural Product of Thailand) วิถีชีวิต อาหารการกิน การแต่งกาย การแสดง การละเล่น งานเทศกาลต่างๆ งานบันเทิง ประวัติศาสาตร์ ชาติพันธุ์ และความงามของธรรมชาติต่างๆ เพื่อให้การดำเนินยุทธศาสตร์มีความเป็นระบบระเบียบมากขึ้น เราจึงรวบรวมทุนเหล่านี้เป็น 5 หมวดของการดำเนินยุทธศาสตร์ Soft Power คือ Food ขายความโดดเด่นของอาหาร Fashion ขายความโดดเด่นของภูษาศิลป์ Film ขายความโดดเด่นของภาพยนตร์ ละคร และสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ที่หลากหลาย Fight ขายความโดดเด่นของศิลปะมวยไทย และ Festival ขายงานเทศกาลต่างๆ ของไทยเราที่มีอย่างหลากหลาย และอาจจะเพิ่มเรื่อง Faith ขายการท่องเที่ยวสายมู และ Fit ขายความเป็นศูนย์กลางของการแพทย์ การรักษา การพักฟื้น การนวด และสมุนไพรที่ไทยเรามีความโดดเด่น ประเทศไทยมีวัฒนธรรมที่เข้มแข็งเป็นอันดับ 8 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย ถ้าหากเราเข้าใจ Soft Power ให้ถูกต้อง วางยุทธศาสตร์ให้ดี เราคงพอจะไต่อันดับเป็น Top 20 ได้นะคะ อย่าเพิ่งโม้ว่าจะเป็นผู้นำในระดับโลกเลยนะคะ.